|
|
สรุปสาระข่าว |
|
มีชายฉกรรจ์
บุกรื้อทำลายแผงขายของ ตลาดลานเศรษฐกิจ ชุมชนหมู่บ้านนักกีฬา
ถนนกรุงเทพกรีฑา ที่เกิดเหตุเป็นลานกว้าง เนื้อที่
ประมาณ 1 ไร่เศษ ซึ่งมีพ่อค้าแม่ค้า ไปจับจอง ตั้งร้านแผงลอยและรถเข็น
ขายสินค้าสารพัดประเภท จำนวนกว่า 200 ร้าน ปรากฏว่า
ร้านขายของทั้งหมดถูกรื้อทำลายล้มระเนนระนาด ขณะเดียวกันเจ้าหน้าที่ตำรวจยัง
พบกองทรายขนาดใหญ่ลักษณะเหมือนเพิ่งถูกนำ ไปเท
จำนวน 6 กอง กระจายอยู่ตามจุดต่างๆ ภายในลานดังกล่าว |
|
ข้อคิดเห็น |
|
1.
ถ้าเริ่มต้นที่การประเมินค่าทรัพย์สินอย่างเป็นธรรม
ว่าการ "บุกรุก" ที่ดินทำตลาดกันเองนี้มีมูลค่าตลาดเท่าไหร่
สมควรเสียค่าเช่าให้การเคหะแห่งชาติเท่าไหร่เรื่องก็คงไม่บานปลาย,
2. ถ้ามีการประเมินค่าแผงลอยในตลาดใหม่ให้ชัดเจนว่าควรให้เช่าอย่างเป็นธรรมเท่าไหร่
พ่อค้าแม่ค้าก็อาจยอมย้ายไปแล้ว
3. ถ้าทำอะไรให้โปร่งใส ใส่ใจแต่แรก ความยุ่งยาก
ยุ่งเหยิงต่าง ๆ ก็คงไม่เกิด การใช้กำลังก็คงไม่มี |
|
รายละเอียดของเนื้อข่าว |
|
เมื่อเวลา 01.30
น. วันที่ 2 ส.ค. ร.ต.ต.ชญานนท์ สุขเนียม ร้อยเวร
สน.ประเวศ รับแจ้งเหตุมีชายฉกรรจ์ บุกรื้อทำลายแผงขายของ
ตลาดลานเศรษฐกิจ ชุมชนหมู่บ้านนักกีฬา ถนนกรุงเทพกรีฑา
แขวงและเขต สะพานสูง กทม. จึงรุดไปตรวจสอบ ที่เกิดเหตุเป็นลานกว้าง
เนื้อที่ ประมาณ 1 ไร่เศษ อยู่บริเวณทางเข้า
หมู่บ้านนักกีฬา ซึ่งมีพ่อค้าแม่ค้า ไปจับจอง
ตั้งร้านแผงลอยและรถเข็น ขายสินค้าสารพัดประเภท
จำนวนกว่า 200 ร้าน ปรากฏว่า ร้านขายของทั้งหมดถูกรื้อทำลายล้มระเนนระนาด
ขณะเดียวกันเจ้าหน้าที่ตำรวจยัง พบกองทรายขนาดใหญ่ลักษณะเหมือนเพิ่งถูกนำ
ไปเท จำนวน 6 กอง กระจายอยู่ตามจุดต่างๆ ภายในลานดังกล่าว
นายสุรพันธุ์ จันทไพบูลย์ขจร อายุ 52 ปี พ่อค้าขายโจ๊ก
รองประธานตลาดลานเศรษฐกิจ ที่เกิดเหตุ และเป็นหนึ่งในผู้เสียหายที่ถูกพังร้านให้การว่า
ขณะเกิดเหตุมีรถกระบะ 4 คัน รถหกล้อบรรทุกทราย จำนวน 6 คัน และรถสิบล้ออีก 1 คัน
เท่าที่จำหมายเลขทะเบียนได้มี 2 คันคือ รถกระบะมิตซูบิชิ สตราด้า สีน้ำเงิน-บรอนซ์
ทะเบียน ณต 5668 กรุงเทพมหานคร และรถสิบล้อ ทะเบียน 81-1975 กรุงเทพมหานคร พาชายฉกรรจ์เกือบ
200 คน พร้อมขนทรายเข้ามา เมื่อถึงที่หมายกลุ่มชายฉกรรจ์ที่มีอาวุธครบมือทั้งมีด
ไม้ ปืน พร้อมเครื่องมือรื้อถอน ลงจากรถกระบะและรถสิบล้อเข้ารื้อทำลายร้านค้าแผงลอยและ
รถเข็นขายของจนพังยับ ขณะที่รถบรรทุกหกล้อก็เททรายที่บรรทุกมา กระจายตามจุดต่างๆ
โดยไม่มีใครกล้าเข้าไปขัดขวาง หลังจากใช้เวลาก่อเหตุอยู่นานประมาณ 15 นาที ทั้งหมดจึงกลับไปเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น
ขณะที่ พ.ต.อ.เกริกกิตติ พิทักษากร ผกก. สน.ประเวศ
เปิดเผยว่า เมื่อคืนที่ผ่านมาไปดูที่เกิดเหตุมาแล้ว ปรากฏว่าพวกที่บุกเข้ามารื้อถอนกลับไปหมดแล้ว
จึงสั่งให้ฝ่ายสืบสวนและสายตรวจคอยควบคุมสถานการณ์และตรวจสอบทะเบียนรถ เพื่อติดตามเจ้าของมาดำเนินคดี
ส่วนเรื่องของความเสียหายต่างๆ ที่เกิดขึ้น ตนสั่งการให้จัดชุดพนักงานสอบสวน จำนวน
13 นาย คอยรับแจ้งความ โดยจะนัดหมายให้ผู้เสียหายทยอยเข้าให้ปากคำจนกว่าจะเสร็จสิ้นซึ่งจะพยายาม
ทำเรื่องนี้ให้เร็วที่สุด ในเบื้องต้นพบว่าเป็นความผิดในข้อหาทำให้เสียทรัพย์ อย่างไรก็ตาม
ต้องสอบลงลึกต่อไปว่าเข้าข่ายความผิดอื่นอีกหรือไม่ เรื่องที่เกิดขึ้นมีปัญหากันมาก่อนระหว่างฝ่ายผู้ค้ากับการเคหะฯซึ่งตนไม่อยากพูดมาก
เนื่องจากตำรวจมีหน้าที่ดูแลความสงบเรียบร้อย
ด้าน พ.ต.ท.นิพนธ์ ทองแสงบุญญา รอง ผกก.สส.สน.ประเวศ
กล่าวว่า หลังเกิดเหตุมี พ่อค้าแม่ค้าเข้าแจ้งความแล้วกว่าร้อยราย ขณะที่พนักงานสอบสวนสอบปากคำเสร็จ
ไปแล้วประมาณ 30 ปาก ส่วนที่เหลือนัดสอบปากคำในวันที่ 3 ส.ค. ต่อไป ขณะนี้ยังไม่ได้แจ้งข้อหาดำเนินคดีกับบุคคลใดหรือเจ้าของบริษัทใดทั้งสิ้น
เนื่องจากยังต้องรวบรวมพยานหลักฐานเพิ่มเติม อีกอย่างผู้เสียหายไม่ได้กล่าวโทษผู้ใด
ทั้งที่เป็นตัวบุคคลหรือบริษัท นอกจากนี้ คดีที่เกิดขึ้นเป็นคดีทางแพ่ง ข้อหาทำให้เสียทรัพย์
หากโยงใยถึงผู้ใดจะเรียกตัวมาแจ้งข้อหาทันที |