|
|
สรุปสาระข่าว |
|
'สีลม'ครองแชมป์แพงสุด
ตารางวาละ 6 แสน 4อำเภอใน เชียงใหม่-ตาก-กาญจนบุรี-อุทัยธานี
ต่ำสุด 10 บาทต่อตารางวา -เอกชน ชี้ ราคาประเมินใหม่
ไม่กระทบการซื้อ-ขาย
กรมธนารักษ์ ประกาศราคาประเมินที่ดินทั่วประเทศ ปี 2547-2550
เพิ่มขึ้น 14.4% เปิดทางรัฐโกยรายได้จากภาษีเพิ่ม สีลม ยังครองแชมป์ราคาสูงสุด ตารางวาละ
6 แสนบาท ภาคใต้ราคาประเมินเพิ่มสูงสุด 24% เพราะเป็นแหล่งท่องเที่ยวใหม่ ตรวจสอบพบ
เชียงใหม่-กาญจนบุรี ต่ำสุด ตารางวาแค่ 10 บาท ด้านเอกชน ชี้ ราคาประเมินใหม่ไม่กระทบการซื้อ-ขาย
คาดโครงการเปิดขาย 2 ไตรมาสแรกของปีหน้า ยังคงต้นทุนตามราคาประเมินเดิม |
|
ข้อคิดเห็น |
|
กรณีนี้อาจเป็นความเข้าใจผิดได้
1. ความจริงราคาแทบไม่ขึ้น มีขึ้นเฉพาะบางแปลง ที่มีศักยภาพเปลี่ยนแปลงชัด
และที่แต่เดิมเป็นที่ดินดิบเมื่อ 5 ปีก่อน ตอนนี้เป็นที่ดินที่มีการพัฒนาแล้ว จึงปรับ
ทำให้เกิดค่าเฉลี่ยที่เพิ่มขึ้น อันนี้เป็นความคลาดเคลื่อนทางสถิติกับความเป็นจริง ความจริงข้อนี้ทางราชการน่าจะเปิดเผย
ไม่เช่นนั้นประชาชนอาจสับสนว่าราคาเพิ่มขึ้น อาจทำให้เกิดกระแสการเก็งกำไรได้
2. การที่ต่างจังหวัดราคากลับปรับเพิ่มสูงกว่ากรุงเทพมหานคร
ถ้าเป็นกรณีราคาตลาดที่มีการซื้อขายจริง ย่อมไม่ถูกต้องแน่นอน เพราะความจริงตลาดในกรุงเทพมหานครมีการซื้อขายคึกคักกว่า
มีศักยภาพการเติบโตสูงกว่า การนี้แสดงถึงความผิดพลาดในอดีตของการทำราคาประเมิน จึงอาจมีการปรับฐานใหม่ให้สอดคล้องกับความเป็นจริงมากขึ้น
3. บัญชีราคาประเมินนี้ ใช้เพื่อการเสียภาษีในการจดทะเบียนสิทธิและนิติกรรมเท่านั้น
ไม่เกี่ยวกับราคาซื้อขายเลย ดังนั้นใครจะนำมาอ้างเพื่อปรับราคาเรียกซื้อ-ขายอสังหาริมทรัพย์
ถือเป็นการบิดเบือน
4. เชื่อว่ารัฐบาลเองท่านก็คงไม่อยากให้เพิ่มมาก เพราะอาจเสียความรู้สึกชาวบ้าน
และในการจัดทำบัญชีราคาเขาทำกันอย่างไร ความจริงใช้เวลาทำเพียงไม่ถึง 1 ปี และให้แต่ละพื้นที่ทำกันเอง
อาจตกหล่นได้หรืออาจใช้ของเดิมเป็นฐานเท่านั้นโดยมีการเปลี่ยนแปลงน้อยมาก |
|
รายละเอียดของเนื้อข่าว |
|
กรณีนี้อาจเป็นความเข้าใจผิดได้
1. ความจริงราคาแทบไม่ขึ้น มีขึ้นเฉพาะบางแปลง ที่มีศักยภาพเปลี่ยนแปลงชัด
และที่แต่เดิมเป็นที่ดินดิบเมื่อ 5 ปีก่อน ตอนนี้เป็นที่ดินที่มีการพัฒนาแล้ว จึงปรับ
ทำให้เกิดค่าเฉลี่ยที่เพิ่มขึ้น อันนี้เป็นความคลาดเคลื่อนทางสถิติกับความเป็นจริง ความจริงข้อนี้ทางราชการน่าจะเปิดเผย
ไม่เช่นนั้นประชาชนอาจสับสนว่าราคาเพิ่มขึ้น อาจทำให้เกิดกระแสการเก็งกำไรได้
2. การที่ต่างจังหวัดราคากลับปรับเพิ่มสูงกว่ากรุงเทพมหานคร
ถ้าเป็นกรณีราคาตลาดที่มีการซื้อขายจริง ย่อมไม่ถูกต้องแน่นอน เพราะความจริงตลาดในกรุงเทพมหานครมีการซื้อขายคึกคักกว่า
มีศักยภาพการเติบโตสูงกว่า การนี้แสดงถึงความผิดพลาดในอดีตของการทำราคาประเมิน จึงอาจมีการปรับฐานใหม่ให้สอดคล้องกับความเป็นจริงมากขึ้น
3. บัญชีราคาประเมินนี้ ใช้เพื่อการเสียภาษีในการจดทะเบียนสิทธิและนิติกรรมเท่านั้น
ไม่เกี่ยวกับราคาซื้อขายเลย ดังนั้นใครจะนำมาอ้างเพื่อปรับราคาเรียกซื้อ-ขายอสังหาริมทรัพย์
ถือเป็นการบิดเบือน
4. เชื่อว่ารัฐบาลเองท่านก็คงไม่อยากให้เพิ่มมาก เพราะอาจเสียความรู้สึกชาวบ้าน
และในการจัดทำบัญชีราคาเขาทำกันอย่างไร ความจริงใช้เวลาทำเพียงไม่ถึง 1 ปี และให้แต่ละพื้นที่ทำกันเอง
อาจตกหล่นได้หรืออาจใช้ของเดิมเป็นฐานเท่านั้นโดยมีการเปลี่ยนแปลงน้อยมาก
'สีลม'ครองแชมป์แพงสุด ตารางวาละ 6 แสน 4อำเภอใน
เชียงใหม่-ตาก-กาญจนบุรี-อุทัยธานี ต่ำสุด 10 บาทต่อตารางวา -เอกชน
ชี้ ราคาประเมินใหม่ ไม่กระทบการซื้อ-ขาย
|
นักประเมินชี้ครึ่งปีแรกบ้านใหม่อิงราคาประเมินเดิม |
กรมธนารักษ์ ประกาศราคาประเมินที่ดินทั่วประเทศ
ปี 2547-2550 เพิ่มขึ้น 14.4% เปิดทางรัฐโกยรายได้จากภาษีเพิ่ม
สีลม ยังครองแชมป์ราคาสูงสุด ตารางวาละ 6 แสนบาท ภาคใต้ราคาประเมินเพิ่มสูงสุด
24% เพราะเป็นแหล่งท่องเที่ยวใหม่ ตรวจสอบพบ เชียงใหม่-กาญจนบุรี
ต่ำสุด ตารางวาแค่ 10 บาท ด้านเอกชน ชี้ ราคาประเมินใหม่ไม่กระทบการซื้อ-ขาย
คาดโครงการเปิดขาย 2 ไตรมาสแรกของปีหน้า ยังคงต้นทุนตามราคาประเมินเดิม
นายวิสุทธิ ศรีสุพรรณ อธิบดีกรมธนารักษ์ เปิดเผยราคาประเมินที่ดินครั้งใหม่
ทั่วประเทศ ปรากฏว่า ราคาที่ดินทั่วประเทศปรับเพิ่มขึ้นในอัตรา 14.44% แบ่งเป็นกรุงเทพมหานคร
เพิ่มขึ้นเฉลี่ย 5.6% เขตปริมณฑล 5 จังหวัด คือ นนทบุรี สมุทรปราการ สมุทรสาคร ปทุมธานี
และนครปฐม เพิ่มขึ้น 9.41% ส่วนอีก 70 จังหวัดเพิ่มขึ้นเฉลี่ย 16%
นายวิสุทธิ กล่าวว่า พื้นที่ในกรุงเทพมหานคร ที่มีอัตราเปลี่ยนแปลงสูงสุด
5 อันดับแรก ได้แก่ เขตลาดพร้าว 15.79% เขตประเวศ 15.10% เขตพระโขนง 13.10% เขตบึงกุ่ม
11.20% เขตบางกะปิ 11.08% ซึ่งที่ดินที่มีราคาประเมินสูงสุดยังคงเป็นบริเวณถนนสีลม
ราคา 600,000 บาท ต่อตารางวา ไม่เปลี่ยนแปลงจากเดิม เนื่องจากมีการใช้ประโยชน์ในพื้นที่เกือบครบแล้ว
ส่วนต่ำสุดอยู่ที่เขตหนองจอก 260 บาทต่อตารางวา หรือไร่ละ 104,000
บาท เนื่องจากเป็นเขตพื้นที่การเกษตร และบางพื้นที่เป็นที่ดินที่ไม่มีทางเข้าออก
ขณะที่ในเขตปริมณฑลนั้น จังหวัดที่มีอัตราการเปลี่ยนแปลงสูงสุด
คือ จังหวัดนนทบุรี 15.70% แต่พื้นที่ ที่มีราคาประเมินสูงสุดอยู่ที่ถนนสุขุมวิท
อ.เมือง จ.สมุทรปราการ ราคา 140,000 บาทต่อตารางวา ส่วนราคาประเมินต่ำสุดอยู่ที่
ต.ทุ่งลูกนก อ.กำแพงแสน จ.นครปฐม ราคา 125 บาทต่อตารางวา
นายวิสุทธิ กล่าวว่า ส่วนข้อมูลราคาประเมินที่ดินในภูมิภาค
ภาคใต้มีอัตราเพิ่มขึ้นสูงสุด 24.17% ภาคกลางเพิ่มขึ้น 11.78%
ภาคเหนือเพิ่มขึ้น 13.21% ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ เพิ่มขึ้น 14.88%
โดยราคาประเมินสูงสุดอยู่ที่เทศบาลนครหาดใหญ่ จ.สงขลา ราคา 400,000
บาทต่อตารางวา ส่วนต่ำสุด อ.สังขละบุรี จ.กาญจนบุรี อ.แม่แจ่ม
อ.ดอยเต่า จ.เชียงใหม่ อ.ท่าสองยาง จ.ตาก อ.บ้านไร่ จ.อุทัยธานี
ราคา 10 บาทต่อตารางวา
สำหรับจังหวัดที่มีอัตราเปลี่ยนแปลงราคาที่ดินสูงสุด ได้แก่ จ.กระบี่
เพิ่มขึ้น 79.59% จ.พังงา เพิ่มขึ้น 65.54% จ.สิงห์บุรี เพิ่มขึ้น 53.68% จ.สุราษฎร์ธานี
เพิ่มขึ้น 49.28% และ จ.มหาสารคาม เพิ่มขึ้น 40.91%
นายวิสุทธิ กล่าวว่า กรมธนารักษ์จะประกาศใช้ราคาประเมินทุนทรัพย์ที่ดินรอบปี
พ.ศ. 2547-2550 เพื่อให้มีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค.2547 เป็นต้นไป โดยราคาประเมินใหม่นี้จะใช้เป็นระยะเวลา
4 ปี และในระหว่างที่ใช้อยู่หากราคาซื้อขายมีการเปลี่ยนแปลงเมื่อเทียบกับราคาประเมินโดยมีนัยสำคัญก็จะมีการปรับปรุงราคาประเมินใหม่ได้
การประกาศราคาประเมินทุนทรัพย์ที่ดิน ของกรมธนารักษ์ครั้งนี้
เป็นการดำเนินการครั้งแรกนับตั้งแต่ได้รับโอนภารกิจมาจากกรมที่ดินตั้งแต่วันที่
2 ม.ค. 2545 และเพื่อให้ราคาประเมินสะท้อนความเป็นจริงของสภาพปัจจุบันมากที่สุด
กรมธนารักษ์ได้ใช้ฐานข้อมูลการสำรวจตั้งแต่เดือน ส.ค. 2545 ถึงเดือน มิ.ย. 2546
ซึ่งแต่เดิมการประกาศราคาประเมินจะใช้ฐานราคาย้อนหลังเป็นระยะเวลา 3 ปี ก่อนประกาศราคาประเมิน
นอกจากนี้เพื่อให้ราคาประเมินใกล้เคียงกับความเป็นจริง กรมธนารักษ์จะใช้วิธีการประเมินส่วนใหญ่
โดยวิธีราคา ตลาด ที่จะนับเฉพาะราคาใหม่ที่มีการซื้อขายเท่านั้น ส่วนวิธีการตามราคาต้นทุนนั้นใช้ประกอบไม่มากนัก
โดยในเขตพื้นที่กรุงเทพมหานคร และ 5 จังหวัดปริมณฑล จะประเมินเป็นรายแปลง ส่วนภูมิภาคใช้วิธีการประเมินรายบล็อค
|
กระบี่ พังงา แหล่งเที่ยวใหม่หนุนราคา |
นายวิสุทธิ กล่าวว่า ราคาที่ดินโดยเฉลี่ยที่ปรับเพิ่มขึ้นเป็นไปตามความต้องการที่ดินที่เพิ่มตามการขยายตัวทางเศรษฐกิจ
จึงทำให้ภาพรวมทั้งประเทศสูงขึ้น แต่ในส่วนราคาที่ดินที่เคยสูงอยู่แล้ว
เช่น สีลม ก็ไม่ได้เปลี่ยนแปลงไปจากเดิมเนื่องจาก ที่ดินเหล่านั้นได้ใช้ประโยชน์เต็มศักยภาพแล้ว
อย่างไรก็ตามในต่างจังหวัดเห็นได้ว่าอัตราการเปลี่ยนแปลงมีค่อนข้างสูง
ในพื้นที่แหล่งท่องเที่ยวใหม่ ในโครงการอันซีนไทยแลนด์ เช่น จ.อุบลราชธานี บางพื้นที่ปรับตัวสูงถึง
80-100% และบริเวณภาคใต้ ที่เป็นแหล่งท่องเที่ยวใหม่ เช่น กระบี่ ตรัง พังงา ซึ่งเดิมราคาที่ดินยังต่ำอยู่
นายวิสุทธิ กล่าวว่า ราคาประเมินที่ดินใหม่ที่ประกาศใช้ จะมีผลกระทบต่อการเสียภาษีประจำปี
หรือภาษีบำรุงท้องที่ ซึ่งความเป็นจริงแล้ว ราคาประเมินที่ดินใหม่นี้ จะใช้ในการคำนวณเรียบเก็บค่าธรรมเนียม
อากร และภาษีเงินได้ เมื่อมีการจดทะเบียนสิทธิและนิติกรรมเกี่ยวกับที่ดิน
|
คลังเปิดทางเก็บภาษีได้เพิ่ม |
นายวราเทพ รัตนากร รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง
กล่าวว่า ในการประเมินราคาที่ดินรอบใหม่นี้ ใช้สำหรับการทำนิติกรรม
และค่าธรรมเนียมในการซื้อขายที่ดิน นับว่ากรมธนารักษ์สามารถดำเนินการได้แล้ว
เสร็จตามเป้าหมายที่ตั้งไว้ เท่าที่เห็นตัวเลขของการประเมินที่ดิน
ซึ่งในภาพรวมเฉลี่ยสูงขึ้นเล็กน้อย ถือว่าไม่มาก โดยเฉพาะในเขตที่มีความเจริญอย่างเขตกรุงเทพฯ
เนื่องจากมีศักยภาพในการใช้ที่ดินเต็มหมดแล้ว
ในการประกาศที่ดินครั้งก่อน ตั้งแต่ปี 2543-2546 หรือ 4 ปีที่แล้ว
เราใช้ผลจากการเก็บข้อมูลตั้งแต่ปี 2535 ซึ่งเป็นราคาที่สูงเกินจริงมาก ซึ่งในการประเมินในรอบนี้เชื่อจะมีราคาใกล้เคียงความเป็นจริงมากที่สุด
เนื่องจากกรมธนารักษ์ใช้ราคาย้อนหลัง ตั้งแต่ เดือนมิถุนายน 2545-มิถุนายน 2546
นายวราเทพ กล่าว
นายวราเทพ ยังได้ให้กรมธนารักษ์ได้ไปศึกษาเพิ่มเติม
เพื่อปรับปรุงให้การประกาศราคาประเมินที่ดินมีประสิทธิภาพมากขึ้นใน
3 ประเด็นที่สำคัญคือ 1.การเก็บข้อมูลให้มีความเป็นปัจจุบันมากที่สุด
โดยเน้นให้มีการเก็บข้อมูลให้มีระยะเวลาที่สั้นลง ประมาณ 6 เดือน
ก่อนที่จะมีการประกาศราคาในแต่ละรอบ เพื่อให้ข้อมูลมีความใกล้เคียงความเป็นจริงมากที่สุด
2. ผลการประกาศใช้ราคาประเมินที่ดินที่จะใช้บังคับได้คราวละ 4 ปี นั้น
ควรจะลดลงให้เหลือเพียง 2-3 ปี เท่านั้น และ
3.ให้มีการประกาศราคาที่ดินรายแปลงมากขึ้น
โดยจะต้องมีการปรับปรุงวิธีการในการดำเนินงาน ซึ่งจะต้องมีความพร้อมทางด้านบุคลากรและเครื่องมือให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น
ทั้งนี้เรื่องทั้งหมดได้มอบหมายให้กรมธนารักษ์ได้ดำเนินการในการศึกษา
สำหรับประชาชนทั่วไปสามารถเข้าไปตรวจสอบราคาประเมินที่ดินใหม่ได้จากเวบไซต์
ของกรมธนารักษ์ www.treasury.go.th กระทรวงการคลัง www.mof.go.th และกรมที่ดิน www.dol.go.th
หรือโทรศัพท์สอบถามได้ที่ 02-448-5448 ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2547 เป็นต้นไป
|
ราคาประเมินใหม่ไม่กระทบการซื้อ-ขาย |
ด้านนักประเมินราคาเอกชน กล่าวถึงบัญชีราคาประเมินที่ดินรอบใหม่
ที่รัฐประกาศจะเริ่มใช้วันที่ 1 ม.ค.นี้ พบว่ามีการปรับราคาต่างกันในหลายพื้นที่
นั้น เรื่องนี้ไม่ได้สร้างความแปลกใจ สำหรับภาคธุรกิจมากนัก เนื่องจากมีการติดตามวิธีคิด
และการประเมินที่รัฐดำเนินการมาก่อนหน้านี้อยู่แล้ว และโดยภาพรวมเชื่อว่าราคาประเมินใหม่
จะไม่กระทบต่อการซื้อขายที่ดินนัก เพราะการซื้อขายเป็นเรื่องของ
Demand-Suppy และความต้องการเพื่อการลงทุน ส่วนฐานราคาเป็นปัจจัยหนึ่งที่เข้ามาเกี่ยวข้อง
ตามกฎหมาย
ดร.โสภณ พรโชคชัย กรรมการผู้จัดการ บริษัท เอเจนซี่ ฟอร์ เรียลเอสเตท
แอฟแฟร์ส จำกัด กล่าวกับ กรุงเทพธุรกิจ ว่า บัญชีราคาประเมินใหม่ ที่รัฐประกาศล่าสุด
ในบางทำเลแทบไม่เห็นความเปลี่ยนแปลง เช่น ฐานราคาในทำเลกรุงเทพฯ ซึ่งมีเกณฑ์ปรับราคาประเมินเพิ่มขึ้นโดยเฉลี่ย
5.6% เทียบแล้วแทบไม่ต่างกับบัญชีราคาเดิมที่ประกาศใช้มาตั้งแต่ปี 2542 ซึ่งเป็นช่วงที่ภาวะราคาที่ดินตกต่ำมาก
เนื่องจากเศรษฐกิจยังไม่ฟื้นตัว
ปัจจุบันภาวะเศรษฐกิจเริ่มฟื้น ที่ดินหลายแห่งมีการซื้อขายเปลี่ยนมือ
แต่สำหรับที่ดินในกรุงเทพฯ เนื่องจากที่ผ่านมา มีปัญหาติดภาระหนี้อยู่ค่อนข้างมาก
การซื้อขายเปลี่ยนมือที่ดิน จึงมีไม่มากนักอาจเป็นสาเหตุหลัก ทำให้รับกำหนดบัญชีราคาประเมินใหม่เพิ่มขึ้นเพียง
5% ซึ่งในสายตานักประเมินมองว่า ฐานบัญชีราคาประเมินที่ปรับขึ้นเพียง 5% นี้ ไม่ได้สอดคล้องกับภาวะราคาจากอดีต
อย่างน้อยควรปรับเพิ่ม 10% แต่เข้าใจว่ารัฐคงมองเรื่องความเคลื่อนไหวการซื้อขาย
เป็นปัจจัยหลัก
อย่างไรก็ตาม ดร.โสภณ กล่าวว่า ราคาประเมินใหม่ ที่ไม่เปลี่ยนแปลงมากนักนี้
คงไม่ส่งผลกระทบต่อตลาด หรือการซื้อขายที่ดินใหม่มากนัก เพราะการซื้อขายที่ดิน มาจากพื้นฐานความต้องการใช้
และการลงทุน ไม่ได้มีตัวแปรเรื่องฐานราคาประเมินเป็นปัจจัยหลัก ราคาประเมินที่ดิน
เป็นเพียงฐานราคาที่รัฐกำหนดขึ้น เพื่อใช้คำนวณการจัดเก็บภาษีและค่าธรรมเนียมเข้ารัฐเท่านั้น
|
ชี้รัฐปรับฐานราคาเพื่อเพิ่มภาษี |
กรรมการผู้จัดการ เอเจนซี่ ฟอร์ เรียลเอสเตท
ยังกล่าวอีกว่า สิ่งที่เป็นความหมายโดยตรงในการจัดทำบัญชีประเมินราคาที่ดินใหม่
คือ เป้าหมายการจัดเก็บรายได้ หมายถึง รัฐต้องการเก็บภาษีและค่าธรรมเนียมเพิ่มเท่าใดก็ทำบัญชีราคาประเมินให้สูงขึ้น
แต่ทั้งนี้ต้องอยู่บนพื้นฐานที่สอดคล้องกับสภาวะที่แท้จริงของตลาด
รัฐเคยพูดไว้ว่า จะปรับบัญชีราคาประเมินใหม่ ให้ใกล้เคียงกับราคาตลาด
ในทางปฏิบัติจริงคงทำไม่ได้ เพราะฐานราคาตลาดที่ซื้อขาย กับบัญชีราคาประเมินของรัฐ
มักจะต่างกันเสมอ เท่าที่เราเคยเก็บตัวเลขมา ราคาตลาดที่ซื้อขายกันมักจะสูงกว่าบัญชีราคาประเมินอยู่ราว
30%
ดร.โสภณ กล่าวด้วยว่า เรื่องของราคาประเมินเป็นสิ่งที่ต้องลงไปดูในรายละเอียด
เพราะในทางปฏิบัติแล้ว การทำประเมินราคาที่ดินทุกวันนี้จัดทำเป็นรายแปลง สำหรับ
10 จังหวัดใหญ่ ดังนั้นบัญชีราคาจึงค่อนข้างละเอียด ไม่สามารถพูดรวมเป็นเกณฑ์เฉลี่ยที่ตายตัวได้
เนื่องจากที่ดินบางแปลง มีศักยภาพมากมีความต้องการซื้อสูง ราคาก็ปรับตัวสูงขึ้น
แม้จะอยู่ในทำเลที่ดูห่างไกลจากแหล่งธุรกิจ
ภาพนี้ปรากฏในราคาประเมินที่ดิน บนทำเลปริมณฑลของกรุงเทพฯ ซึ่งจะเห็นว่าแถบนนทบุรี
และสมุทรปราการ ราคาประเมินใหม่ ปรับตัวสูงขึ้น 15.70 และ 14.76% เป็นเพราะที่ดินหลายทำเล
ได้รับการพัฒนาเป็นโครงการจัดสรร มีการซื้อที่ดินเพื่อพัฒนาโครงการใหม่ ทำให้ที่ดินบริเวณใกล้เคียงมีราคาเพิ่มขึ้นตาม
รัฐจึงต้องปรับบัญชีราคาประเมินตาม
|
เมืองท่องเที่ยวราคาเพิ่มตาม
ศก.ท้องถิ่น |
สำหรับราคาประเมินที่ดินรายจังหวัด ที่เห็นความแตกต่างในฐานราคาเพิ่มขึ้น
ดร.โสภณ ระบุว่า เป็นเรื่องของเจ้าหน้าที่ระดับท้องถิ่น จะทำเรื่องเสนอเข้ามาที่ส่วนกลาง
โดยเปรียบเทียบความเคลื่อนไหวราคาที่ดิน กับสภาวะเศรษฐกิจในท้องที่
ซึ่งส่วนใหญ่สำรวจในรอบ 6 เดือน จากนั้นก็นำเสนอเข้ามาในส่วนกลาง
เพื่อกำหนดราคาประเมินที่ดินใหม่
ทั้งนี้ จะเห็นว่าที่ดินในหัวเมืองท่องเที่ยวหลัก ในหลายจังหวัดทั้งภาคเหนือ
และภาคใต้ มีการปรับบัญชีราคาเพิ่มขึ้นเป็นเพราะศักยภาพในการลงทุนที่ดินนั้นๆ มีเพิ่มขึ้น
โดยรัฐมองว่า ที่ดินซึ่งมีศักยภาพการลงทุนเพิ่มขึ้น รัฐควรจะปรับฐานการจัดเก็บรายได้
ภาษีและค่าธรรมเนียมได้เพิ่มขึ้น
วิธีการที่จะทำให้ใกล้เคียงราคาตลาดจริง รัฐน่าจะกำหนดว่า การโอนที่ดินมูลค่าเกิน
100 ล้านบาทขึ้นไป ควรมีการจัดเจ้าหน้าที่ประเมิน เข้าไปประเมินราคาเพื่อคำนวณภาษีค่าธรรมเนียมเป็นรายกรณี
ดร.โสภณ กล่าว |