จับอังกฤษ ตุ๋นชาวอเมริกัน เชิด43ล้าน
 
สรุปสาระข่าว
 
        ที่กองปราบปราม เมื่อเวลา 10.00 น. วันที่ 25 มี.ค. พ.ต.อ.จารุวัฒน์ ไวศยะ รอง ผบก.ป. พ.ต.อ.วิชิต ปักษา ผกก. ฝ่ายปฏิบัติการ 2 บก.ป. ร่วมกันแถลงข่าวจับกุมนายเครจ โรดส์ อายุ 45 ปี ชาวอังกฤษ และ น.ส.ปิยพร จันทร อายุ 28 ปี อยู่บ้านเลขที่ 56 หมู่ 2 ต.บ้านโนน อ.ซำสูง จ.ขอนแก่น ข้อหา ร่วมกันฉ้อโกงประชาชน ร่วมกันฉ้อโกง และเป็นผู้รับผิดชอบในการดำเนินงานของบริษัทจำกัด ร่วมกันกระทำการอันก่อให้เกิดความเสียหายโดยลงข้อความเท็จ หรือไม่ลงข้อความสำคัญในบัญชี หรือเอกสารของบริษัทเป็นเหตุให้หุ้นส่วน หรือผู้ถือหุ้นบริษัทขาดประโยชน์อันควรได้ โดยจับกุมผู้ต้องหาได้ที่บ้านเลขที่ 98/15 หมู่ที่ 9 ต.บางเสร่ อ.สัตหีบ จ.ชลบุรี ซึ่งเป็นที่พักของผู้ต้องหาและเป็นที่ตั้งของบริษัทคันทรี พร็อพเพอร์ตี้ แลนด์ แอนด์ ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด
 
ข้อคิดเห็น
 
        การโกงกันเกิดขึ้นได้เมื่อไม่รู้ ไม่ปฏิบัติตามกฎหมายโดยเคร่งครัด ลงทุนซื้อไปมากมายขนาดนี้ หากจ้างที่ปรึกษา ไม่ว่าจะเป็นทนาย ผู้ประเมินค่าทรัพย์สิน เพื่อช่วยตรวจสอบ ก็คงคุ้ม ไม่น่า "เสียน้อย เสี่ยยาก เสียมาก เสียง่าย" เลย
 
รายละเอียดของเนื้อข่าว
 

        ที่กองปราบปราม เมื่อเวลา 10.00 น. วันที่ 25 มี.ค. พ.ต.อ.จารุวัฒน์ ไวศยะ รอง ผบก.ป. พ.ต.อ.วิชิต ปักษา ผกก. ฝ่ายปฏิบัติการ 2 บก.ป. ร่วมกันแถลงข่าวจับกุมนายเครจ โรดส์ อายุ 45 ปี ชาวอังกฤษ และ น.ส.ปิยพร จันทร อายุ 28 ปี อยู่บ้านเลขที่ 56 หมู่ 2 ต.บ้านโนน อ.ซำสูง จ.ขอนแก่น ข้อหา ร่วมกันฉ้อโกงประชาชน ร่วมกันฉ้อโกง และเป็นผู้รับผิดชอบในการดำเนินงานของบริษัทจำกัด ร่วมกันกระทำการอันก่อให้เกิดความเสียหายโดยลงข้อความเท็จ หรือไม่ลงข้อความสำคัญในบัญชี หรือเอกสารของบริษัทเป็นเหตุให้หุ้นส่วน หรือผู้ถือหุ้นบริษัทขาดประโยชน์อันควรได้ โดยจับกุมผู้ต้องหาได้ที่บ้านเลขที่ 98/15 หมู่ที่ 9 ต.บางเสร่ อ.สัตหีบ จ.ชลบุรี ซึ่งเป็นที่พักของผู้ต้องหาและเป็นที่ตั้งของบริษัทคันทรี พร็อพเพอร์ตี้ แลนด์ แอนด์ ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด

        สืบเนื่องจาก เมื่อวันที่ 28 ธ.ค. 50 นายเจมส์ รัสเซลล์ เจนเนอราสโซ่ อายุ 64 ปี ชาวอเมริกัน เข้าร้องทุกข์พนักงานสอบสวน บก.ป.ให้ช่วยตรวจสอบข้อเท็จจริงกรณีที่ร่วมลงทุนทำธุรกิจกับผู้ต้องหาทั้งสองเพื่อสร้างคอนโดมิเนียมบนพื้นที่ชายทะเลพัทยา จ.ชลบุรี แต่สงสัยว่าจะถูกหลอก เนื่องจากจ่ายค่าซื้อที่ดินให้ผู้ต้องหาไปร่วม 43.5 ล้านบาท แต่โครงการต่างๆ ยังไม่มีทีท่าจะเป็นรูปเป็นร่าง พล.ต.ต.พงศ์พัฒน์ ฉายาพันธุ์ ผบก.ป. จึงสั่งการให้ฝ่ายปฏิบัติการที่ 2 บก.ป. ไปตรวจสอบจนพบการกระทำความผิดของทั้งคู่ ก่อนรวบรวมพยานหลักฐานเสนอศาลอาญาขออนุมัติหมายจับ 

        พ.ต.อ.จารุวัฒน์เปิดเผยว่า พฤติการณ์ของผู้ต้องหาคือ ร่วมกันตั้งบริษัทคันทรี พร็อพเพอร์ตี้ แลนด์ แอนด์ ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด ดำเนินธุรกิจเกี่ยวกับอสังหาริมทรัพย์ แล้วลงโฆษณาตามนิตยสารภาษาอังกฤษที่จำหน่ายในพื้นที่พัทยาหลายฉบับเชิญชวนนักลงทุนต่างชาติให้มาร่วมทุนสร้างอสังหาริมทรัพย์ เมื่อผู้เสียหายอ่านพบจึงติดต่อลงทุนทำธุรกิจสร้างคอนโดมิเนียมด้วยกัน หลังจากนั้น ผู้ต้องหายังหลอกผู้เสียหายร่วมกันตั้งบริษัทสยามโคสทัล เอ็นเตอร์ไพรส์เซส จำกัด ขึ้นมาเพื่อซื้อที่ดินจากชาวบ้านนับ 10 ไร่ แบ่งซื้อครั้งละ 5 ไร่ หลอกว่าที่ดินมีราคาไร่ละ 4.5 ล้านบาท ให้ผู้เสียหายซื้อแคชเชียร์เช็ค 2 ฉบับ ฉบับละ 15 ล้านบาท และ 8 ล้านบาท อ้างว่าชาวบ้านที่ขายที่ดินให้มี 2 กลุ่ม ปรากฏว่าเงิน 15 ล้านบาท นำไปจ่ายเป็นค่าที่ดินจริง แต่เงิน 8 ล้านบาทกลับโอนเข้าบัญชีผู้ต้องหา 

        นอกจากนี้ ผู้เสียหายยังถูกผู้ต้องหาให้ร่วมเปิดบริษัทอีกแห่ง เพื่อซื้อที่ดินอีกผืน ใช้วิธีการหลอกลวงแบบเดียวกัน คือให้แบ่งเงินค่าซื้อที่ดินเป็นแคชเชียร์เช็ค 2 ฉบับ มีฉบับหนึ่งโอนเข้าบัญชีผู้ต้องหา และหลังจากซื้อที่ดินมาแล้วกลับไม่มีการก่อสร้างคอนโดมิเนียมแต่อย่างใด เมื่อผู้เสียหายทวงเงินคืนกลับถูกข่มขู่ในทำนองที่ว่า ไม่สามารถทำอะไรได้ และยังเรียกเงินเพิ่มอีก 10 ล้านบาทเป็นค่าลาออกจากการเป็นกรรมการบริษัท ผู้เสียหายจึงให้ทนายเข้าแจ้งความดำเนินคดี ทั้งนี้ ภายหลังการจับกุม เจ้าหน้าที่ตำรวจขยายผลตรวจค้นบริษัทของผู้ต้องหา พบมีการทำรูปภาพ และราคาของอสังหาริมทรัพย์ ติดอยู่ด้วย แต่ยังไม่มีโครงการใดเกิดขึ้นจริง 

        สำหรับประวัติของนายเครจ เจ้าหน้าที่ตำรวจตรวจสอบได้ข้อมูลว่า เดินทางเข้าออกประเทศไทยมาประมาณ 9 ปี ทำธุรกิจเกี่ยวกับอสังหาริมทรัพย์อย่างเดียว แต่มีพฤติการณ์ต้มตุ๋นเหยื่อชาวต่างชาติโดยอาศัยช่องโหว่ของกฎหมาย ส่วนที่ดิน หรือโครงการต่างๆ นั้นบางแห่งมีจริง บางแห่งไม่มีอยู่จริง เชื่อว่าจะมีผู้เสียหายชาวต่างชาติที่ตกเป็นเหยื่ออีกหลายราย เจ้าหน้าที่ตำรวจกองปราบปรามอยู่ระหว่างสืบสวนและประชาสัมพันธ์หาผู้เสียหายเพิ่มเติม  

        ขณะเดียวกัน ผู้ต้องหาทั้งคู่ได้ยื่นหลักทรัพย์เป็นสมุดบัญชีเงินฝากธนาคารยูโอบี ที่มียอดเงินในบัญชีเพียงรายละ 5 แสนบาท ขอประกันตัวและได้รับการประกันตัวไปในเวลาต่อมา