ดร.โสภณ
พรโชคชัย <1>
ประธานกรรมการ
ศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ AREA.co.th <2>
เมื่อวันที่ 29 มิถุนายน ศกนี้
มูลนิธิประเมินค่าทรัพย์สินแห่งประเทศไทย (www.thaiappraisal.org)
จัดเสวนาวิชาการรายเดือนเรื่อง ธรรมาภิบาลกับนักวิชาชีพยุคใหม่
ปรากฎว่า เป็นการเสวนาที่มีคนฟังน้อยที่สุด (30
คน จากปกติ 60-80 คน และสูงสุด 200 คน) การนี้อาจเข้าใจว่า
นี่เป็นเรื่องที่ไม่เกี่ยวกับการค้าหรือธุรกิจ
แต่ก็อาจทำให้เข้าใจอย่างน่าใจหายได้ว่า ผู้คนสนใจเรื่องนี้น้อยมาก
ผมในฐานะประธานกรรมการ
ศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ AREA ก็เป็นผู้นำเสนอคนหนึ่ง
จึงขออนุญาตแบ่งปันความเห็นต่อ ธรรมาภิบาล
ณ ที่นี้
ธาตุแท้หรือปรากฏการณ์
ถ้าสถาบันการเงินเวลานี้จ่ายโบนัสกัน
3-6 เดือน ได้กำไรปีละหลายพันหลายหมื่นล้านบาท
แต่กับคู่ค้าเช่นผู้ประเมินค่าทรัพย์สิน กลับไม่ยอมปรับค่าธรรมเนียม
ผลักภาระให้ผู้กู้หรือไม่ก็บีบเอากับผู้ประเมิน
ทำให้เหลือแต่ผู้ประเมินที่หวังค่า ฟัน มากกว่า
ค่า fee (ค่าจ้าง) อย่างนี้จะถือว่ามีธรรมาภิบาล
มีจริยธรรมหรือไม่
หรือห้างสรรพสินค้าที่พยายามบีบคู่ค้า
(supplier) จนหน้าเขียวหน้าเหลืองเพียงเพื่อให้ได้สินค้าที่ถูกกว่ามาขาย
หรือไม่ก็ไม่ยอมให้ผู้ผลิตแจ้งเกิดยี่ห้อของตนเอง
ด้วยการแปะยี่ห้อของห้างเอง (house brand) อย่างนี้ถือว่าเป็นการผิดจรรยาบรรณ
และขาดธรรมาภิบาลหรือไม่
วิสาหกิจบางแห่งโดยธรรมชาติของธุรกิจมีส่วนทำร้ายสิ่งแวดล้อม
แต่กลับสร้างภาพพจน์ส่งเสริมสิ่งแวดล้อมกันยกใหญ่
อย่างนี้ถือว่าได้ดำเนินการในสิ่งที่ดีหรือไม่
หรือถือว่ายังดีกว่าไม่ได้ทำอะไรเลย
ต้องมีการบังคับตามกฎหมาย
คุณพิชา
ดำรงค์พิวัฒน์ ท่านอดีตกรรมการผู้จัดการ ธนาคารอาคารสงเคราะห์ได้ให้กรณีศึกษา
CTX และอื่น ๆ เกี่ยวกับการบังคับใช้ธรรมาภิบาลในสหรัฐอเมริกา
ผมเองก็เพิ่งกลับจากสหรัฐอเมริกา เพื่อนผมที่เป็นข้าราชการที่เมืองโอลิมเปีย
เมืองหลวงของรัฐวอชิงตันเล่าว่า มีด๊อกเตอร์คนหนึ่งซึ่งรับราชการมานาน
เขียนหนังสือเล่มหนาออกมาเล่มหนึ่งซึ่งขายได้ดีมาก
แต่กลับถูกตรวจสอบและไล่ออกจากงานเพราะพบว่า เอาเวลาราชการไปใช้ในการนี้
ไม่ได้เอาเวลาราชการไปนั่งจ่อมเขียนหนังสือ หรือโดดไปเขียนที่บ้านนะครับ
เพียงแต่ตรวจสอบพบว่ามีการติดต่อกับสำนักพิมพ์ทางอีเมล์ในเวลาราชการ
ถ้าในเมืองไทยเข้มงวดเช่นนี้ ข้าราชการผู้มีชื่อเสียงหลายคนที่เขียนหนังสือขายดีเป็นเทน้ำเทท่าคงได้ถูกไล่ออกกันบ้างล่ะ
ศ.ดร.สุจิต
บุญบงการ อดีตตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ และคุณกิตติ
พัฒนพงศ์พิบูล อุปนายกสมาคมผู้ประเมินค่าทรัพย์สินแห่งประเทศไทย
ต่างเห็นร่วมกันว่าธรรมาภิบาลต้องเป็นกฎหมาย ไม่ใช่ให้ทำแบบอาสาสมัคร
คุณกิตติยังบอกด้วยว่า อย่างกรณีผู้ประเมินค่าทรัพย์สิน
เมื่อได้รับอนุญาตให้ทำงานแล้ว ก็ควรจัดให้มีการสอบใหม่ทุกระยะ
ๆ (เช่น 2 ปี) เพื่อเป็นการกระตุ้นให้แสวงหาความรู้
ความเชี่ยวชาญต่อเนื่อง การได้ใบอนุญาตตลอดชีวิตไปประกอบวิชาชีพ
จึงเป็นสิ่งที่ไม่สมควร
ระบบตรวจสอบที่เข้มแข็ง
คุณหยกพร
ตันติเศวตรัตน์ ท่านรองผู้จัดการใหญ่ บมจ.ธนาคารไทยพาณิชย์
ได้ชี้ให้เห็นถึงระบบตรวจสอบที่เข้มงวดและวางใจได้ของสถาบันการเงิน
แต่ก่อนหน้านี้เราคงเคยได้ข่าวผู้จัดการธนาคารบางแห่ง
โกงธนาคารของตัวเองไปเป็นเงินนับสิบล้านไปเล่นพนันบอลล์
กรณีช่องโหว่อย่างนี้บางครั้งจับได้ยาก แม้จะเป็นสถาบันการเงินที่มีกฎระเบียบที่เข้มงวดก็ยังเกิดปัญหาได้
ทั้งนี้เพราะถ้าคนตั้งใจจะโกง ก็อาจโกงได้ส่วนหนึ่ง
ป้องกันไม่ได้ทั้ง 100% แต่ก็ทำให้อีก 99% ปลอดภัยได้
กรณีผู้ประเมินค่าทรัพย์สินจะโกง
เช่น ไปขอรับเงินจากลูกค้าที่ประเมิน ก็อาจเกิดความเสียหายเพียงรายเดียว
หรือกรณีผู้ประเมินร่วมกับลูกค้าโกงสถาบันการเงิน
ความเสียหายก็ยังจำกัดวงอยู่เช่นกัน แต่ที่ผ่านมาสถาบันการเงินต่าง
ๆ ที่เจ๊งไปในช่วงวิกฤติเศรษฐกิจ 2540 นั้น เกิดจากการปล่อยกู้ไปโดยไม่ได้ประเมินด้วยซ้ำ
หรือประเมินส่งเดช เพียงเพื่อให้สามารถปล่อยกู้ให้เครือญาติหรือนักการเมือง <3> สถาบันการเงินจึงเจ๊งไป
ดังนั้นรัฐบาล
สถาบันการเงิน สมาคมวิชาชีพ บริษัทประเมินต่างต้องจัดตั้งระบบตรวจสอบที่เข้มแข็งเพื่ออุดรูรั่วต่าง
ๆ ให้ได้ เราจะปล่อยให้ผู้บริหารแบงค์โกงแบงค์ตัวเอง
หรือผู้ประเมินรับสินบนอยู่ทุกวันไม่ได้
ระบบตรวจสอบของ AREA
ที่
AREA ของเราได้รับการรับรอง ISO สำหรับที่ปรึกษาอสังหาริมทรัพย์ทั้งระบบเป็นแห่งแรกและแห่งเดียวมาตั้งแต่ปี
2543 ก็เพราะเรามีระบบการตรวจสอบและควบคุมคุณภาพที่ดี
และยิ่งกว่านั้นในปี 2548 AREA ยังได้รับรางวัลจรรยาบรรณดีเด่นของหอการค้าไทย
ผมขออนุญาตแบ่งปันว่าเราได้มาอย่างไร
ลูกค้าของ
AREA แต่ละรายจะได้รับไปรษณียบัตรให้ตอบกรุณาตอบกลับว่า
นักวิจัยและผู้ประเมินค่าทรัพย์สินของเรา ผูกเนคไท
แต่งตัว พูดจาสุภาพไหม ไปตรงเวลาไหม มีข้อขัดข้องอย่างไร
ไปรษณียบัตรเหล่านี้จะถูกประมวลและส่งไปยังฝ่ายอำนวยการเพื่อตรวจสอบ
นอกจากนี้ยังมีการสุ่มตรวจ 50% ของลูกค้าทางโทรศัพท์เพื่อสอบถามถึงความพึงพอใจในบริการ
ที่สำคัญยังส่งฝ่ายตรวจสอบคุณภาพไปสำรวจและตรวจสอบรายงานผลการสำรวจและประเมินค่าทรัพย์สินทุก
ๆ 20% ทั่วประเทศอีกด้วย
AREA
ของเราใช้จ่ายงบประมาณเพื่อการนี้ปีละประมาณ 3
ล้านบาท เพื่อการควบคุมคุณภาพทั้งที่รายได้รวมของเรามีไม่ถึง
100 ล้านบาทด้วยซ้ำไป และแม้เราจะต้องเสียค่าใช้จ่ายมากเช่นนี้
เราก็ยังต้องพยายามทำให้ค่าธรรมเนียมของเราไม่สูงเกินบริษัทอื่น
เพื่อให้สามารถแข่งขันได้ในตลาดเช่นกัน
สะท้อนจากภาพพนักงาน
การปฏิบัติตามธรรมาภิบาลหรือไม่
ส่วนหนึ่งสะท้อนได้จากสุขภาพจิตและกายของพนักงาน
(ที่ AREA ของเราเรียกขานกันว่า เพื่อนร่วมงาน)
ถ้าไปเห็นหน้าพนักงานของคุณปรีดา เตียสุวรรณ์ เจ้าสัวเจ้าของ
บมจ.แพรนด้า จิวเวลรี่ จำกัด และ บจก. พรีม่าโกลด์
จำกัด (ซึ่งเป็นวิทยากรของเราอีกท่านหนึ่งในวันนั้น)
จะเห็นใบหน้าแต่ละคนมีความหวัง แม้คุณปรีดาจะมีพนักงานในไทยถึง
5,000 คนและนับรวมทั่วโลกอีก 15 ประเทศนับหมื่น
ๆ คน ท่านก็ยังพยายามดูแลพนักงานอย่างยุติธรรม <4>
ที่
AREA ของเราก็พยายามสร้างสุขให้กับ เพื่อนร่วมงาน
(พนักงาน) ไม่ว่าภาวะการณ์ไหน ตั้งแต่ก่อนวิกฤติ
2540 ปัจจุบัน เราก็ยังปรับเงินเดือนปีละ 2 ครั้ง
จ่ายโบนัส มีสวัสดิการเพิ่มเติมกว่าที่กฎหมายกำหนด
เป็นผู้นำในการจ่ายรายได้ให้สูงกว่าในเชิงเปรียบเทียบและยังเป็นแหล่งความรู้สำหรับเพื่อนร่วมงานได้มีโอกาสเติบโต <5> เพราะตามธรรมชาติของธุรกิจที่ปรึกษาอสังหาริมทรัพย์
อายุเป็นเพียงตัวเลขจริง ๆ และความจริงอย่างหนึ่งก็คือ
ขิงยิ่งแก่ยิ่งเผ็ด ยิ่งมีประสบการณ์อันอุดม
ยิ่งมีคุณค่ากับงาน |