21 กรกฎาคม 2557 ที่ TAF 07/225/57 เรื่องผลการสำรวจความคิดเห็นของประชาชนในจังหวัดนครสวรรค์ต่อเขื่อนแม่วงก์ เรียนหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช) สิ่งที่ส่งมาด้วย คณะสำรวจจำนวน 7 คนที่นำโดย ดร.โสภณ พรโชคชัย ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและประธานก่อตั้งมูลนิธิประเมินค่าทรัพย์สินแห่งประเทศไทย และประธานศูนย์ข้อมูลวิจัยและประเมินค่าอสังหาริมทรัพย์ไทย บจก.เอเจนซี่ ฟอร์ เรียลเอสเตท แอฟแฟร์ส ได้ออกสำรวจความเห็นของประชาชนในระหว่างวันที่ 11-12 กรกฎาคม 2557 ซึ่งเป็นช่วงวันหยุดคือวันอาสาฬหบูชาและวันเข้าพรรษา ซึ่งน่าจะมีประชาชนพักผ่อนอยู่ที่บ้านเป็นจำนวนมาก เนื่องจากในวันธรรมดา อาจต้องออกไปทำนาหรือทำงานอื่นแต่เช้า การสำรวจนี้กระทำโดยการพบปะกับประชาชนทั้งชายและหญิงที่มีอายุตั้งแต่ 20 ปีขึ้นไปโดยประมาณ ซึ่งทุกคนต่างทราบข่าวเกี่ยวกับการก่อสร้างเขื่อนแม่วงก์ (ไม่มีใครไม่ทราบหรือไม่เคยได้ยินเลย) ประชาชนเหล่านี้พบในบริเวณต่าง ๆ ตามที่แสดงไว้ในแผนที่ เพื่อให้กลุ่มตัวอย่างมีการกระจายตัว โดยครอบคลุมถึง 5 อำเภอ โดยไม่ได้สำรวจในอำเภอโกรกพระ ซึ่งครอบคลุมในการสำรวจครั้งก่อนเพราะห่างไกลออกไปจากบริเวณที่จะสร้างเขื่อนเป็นอันมาก โดยแยกเป็นพื้นที่ต่าง ๆ ดังนี้: 1. อำเภอแม่วงก์ (ไม่แยกเขตเทศบาลหรือนอกเขตเทศบาลเพราะเป็นอำเภอขนาดเล็ก) 2. อำเภอชุมตาบง (ไม่แยกเขตเทศบาลหรือนอกเขตเทศบาลเพราะเป็นอำเภอขนาดเล็ก) 3. อำเภอบ้านเปิน (ไม่แยกเขตเทศบาลหรือนอกเขตเทศบาลเพราะเป็นอำเภอขนาดเล็ก) 4. เทศบาลตำบลลาดยาว (เป็นเทศบาลที่มีขนาดใหญ่พอสมควร) 5. อำเภอลาดยาว (นอกเขตเทศบาล) 6. เทศบาลนครนครสวรรค์ 7. อำเภอเมืองนครสวรรค์ (นอกเขตเทศบาล) สำหรับสาระในการสำรวจความคิดเห็นของประชาชนนี้ ก็คือความเห็นต่อการก่อสร้างเขื่อนแม่วงก์ ซึ่งจะก่อสร้าง ณ บริเวณเขาสบกก ตำบลแม่เล่ย์ อำเภอแม่วงก์ จังหวัดนครสวรรค์ ว่าประชาชนมีความเห็นอย่างไร โดยแยกความเห็นออกเป็น 1. เห็นด้วยกับการก่อสร้างเขื่อนแม่วงก์ ณ บริเวณดังกล่าว 2. ไม่เห็นด้วยกับการก่อสร้างเขื่อนแม่วงก์ ณ บริเวณดังกล่าว หรือ 3. ยังไม่แสดงความเห็น ซึ่งคงเป็นเพราะยังไม่ทราบข้อมูลที่แน่ชัดจึงยังไม่ได้ตัดสินใจ หรือตัดสินใจแล้วแต่ยังสงวนท่าทีไม่แสดงความเห็น จำนวนผู้ที่ได้สัมภาษณ์ทั้งหมดมีอยู่ประมาณ 1,200 คน แต่สามารถนำมาวิเคราะห์ได้ทั้งหมด 1,086 คน ผลการสำรวจความคิดเห็น ผลการสำรวจความคิดเห็นของประชาชน สามารถประมวลได้ดังนี้: 1. ในเบื้องต้นพบว่าประชาชนส่วนใหญ่ 57% ต้องการให้สร้างเขื่อนแม่วงก์ 16% ยังไม่ได้ตัดสินใจ และ 27% ไม่เห็นด้วยกับการก่อสร้างเขื่อน 2. อย่างไรก็ตามสำหรับกลุ่มที่ยังไม่แสดงความเห็นนั้น ส่วนหนึ่งตัดสินใจแล้วแต่ยังสงวนท่าที ไม่แสดงความเห็น แต่ส่วนหนึ่งยังไม่ได้ตัดสินใจไปในทางใดทางหนึ่ง หากต้องตัดสินใจไปในทางใดทางหนึ่ง ก็คงต้องเลือกในที่สุด แต่ในเบื้องต้นนี้ หากตัดกลุ่มที่ยังไม่ได้แสดงความเห็นออก ให้เหลือเฉพาะกลุ่มที่ต้องการและไม่ต้องการเขื่อนแม่วงก์ สัดส่วนจะเป็น 69% และ 31%ตามลำดับ หรือมีสัดส่วนเท่ากับ 2:1 หรืออีกนัยหนึ่งก็อาจกล่าวได้ว่าประชาชนประมาณสองในสามเห็นควรสร้างเขื่อนแม่วงก์ โดยรวมแล้วประชาชนส่วนใหญ่ในพื้นที่ต้องการให้มีการก่อสร้างเขื่อนแม่วงก์ จะสังเกตได้ว่ามีประชากรอยู่จำนวนหนึ่งที่ไม่ตอบว่าให้ควรให้สร้างเขื่อนหรือไม่ กลุ่มนี้แม้มีจำนวนน้อยแต่ก็แสดงให้เห็นถึงการสงวนท่าทีในการตอบแบบสอบถาม ซึ่งคงเป็นผลจากความขัดแย้งในเรื่องนี้ที่ยังไม่ได้ข้อยุติโดยเร็ว อย่างไรก็ตามกลุ่มที่ยังไม่ตัดสินใจก็ลดน้อยลงจากเดิม ข้อสังเกตประการหนึ่งก็คือประชาชนในเขตเมืองอันได้แก่ผู้ที่อยู่อาศัยในเขตเทศบาลมักไม่เห็นด้วยกับการสร้างเขื่อน เพราะตนเองไม่ได้รับประโยชน์ด้วยโดยตรง แม้แต่ประชาชนในเขตชนบทแต่ไม่ได้ประกอบอาชีพเกษตรกรรม แต่ประกอบอาชีพอื่น ก็มีเป็นจำนวนมากที่ไม่เห็นด้วยกับการสร้างเขื่อน แต่ก็มีผู้ที่ไม่ใช่เกษตรกร แต่เห็นใจเกษตรกร และเห็นด้วยกับการสร้างเขื่อนในจำนวนไม่น้อยเช่นกัน หมายเหตุ
จำนวนประชากรนครสวรรค์ 2555 http://61.19.192.247/webnkw/nsinfo/economic/index.php?tagpage=edata1 จำนวนประชากรเทศบาลตำบลลาดยาว 2553 www.ladyaocity.go.th/content/content/pdf/pop.pdf จำนวนประชากรในเขตเทศบาลทั่วประเทศ 2554 www.dla.go.th/upload/service/2011/9/156.pdf ประชากร นครสวรรค์ 2553: http://nksawan.nso.go.th/nso/project/table/files/nksawan/C-pop/2553/000/nksawan_C-pop_2553_000_01000300.xls จากตารางที่ 2 ข้างต้น ได้นำผลการสำรวจไปเทียบเคียงกับประชากรทั้งหมดในพื้นที่ศึกษาของจังหวัดนครสวรรค์ ซึ่งครอบคลุมประชากรประมาณ 422,868 คน แต่เป็นประชากรที่มีอายุ 20 ปีขึ้นไป 317,714 คน (75.1%) เมื่อนับร้อยละโดยแยกให้เด็ดขาดเป็นกลุ่มที่เห็นด้วยและไม่เห็นด้วยกับการสร้างเขื่อน จะพบว่าผลการสำรวจครั้งก่อน หากมีการลงประชามติ จะมีผู้เห็นด้วยกับการสร้างเขื่อน 219,871 คน ส่วนที่ไม่เห็นด้วยมี 97,843 คน หรือมีสัดส่วนเท่ากับ 69% ต่อ 31% เสียงสะท้อนของประชาชน ข้อเสนอแนะ จึงเรียนมาเพื่อโปรดพิจารณาและขอขอบพระคุณมา ณ โอกาสนี้ ขอแสดงความนับถืออย่างยิ่ง ฝ่ายประสานงาน |