ผมเขียนหนังสือเล่มนี้แบบเขียนไปเสียวไป คือผมเขียนบนเครื่องบินครับ พอเครื่องสั่นทีไร ผมก็ใจหายวาบทุกที ก็ผมเป็นคนกลัวเครื่องบินนี่ครับ ความจริงผมรวบรวมเนื้อหาหนังสือเล่มนี้มาหลายปี แต่ไม่ได้จังหวะเขียนสักที บังเอิญในปี 2551 ที่ผมต้องขึ้นเครื่องบินไปสอนหนังสือที่อินโดนีเซียหลายต่อหลายครั้ง นั่งรอต่อเครื่องบินไปหลายเมือง เลยงัดเอาเรื่องนี้ขึ้นมาเขียนซะเลย
นี่ไม่ใช่บันทึกชีวประวัติของอาชิวนะครับ อาชิวหรือผมนี้ไม่ได้มีเกียรติประวัติสำคัญต่อชาติ หรือวงการบันเทิง หนังสือ ‘อาชิว ชิว ชิว’ จึงเป็นเพียงเรื่องตลก ๆ สนุกๆ ที่ตั้งใจเขียนขึ้นมากำนัลให้อ่านกันได้สำหรับทุกเพศทุกวัย
ผมหวนรำลึกถึงอาชิว หรือตัวผมเองในสมัยยังเป็นเด็ก ก็เพราะตอนที่ลูกสาวและลูกชายของผมยังอยู่ในวัยไม่เกิน 10 ขวบ ทั้งสองคนชอบฟังผมเล่านิทานก่อนนอน ผมก็งัดเอานิทานที่ผมได้ยินได้ฟังจากทั้งพ่อ ทั้งยายผม เล่าให้ฟังสมัยผมยังเล็ก ๆ มาเล่าให้พวกเขาฟังอีกทอดหนึ่ง
พอหมดเรื่องเล่าแล้ว ผมก็พยายามลักไก่ เล่าซ้ำ ลูกผมก็ต่างจำได้ บอกไม่เอา จะเอาเรื่องใหม่ท่าเดียว ผมต้องไปค้นคว้าหานิทานเวตาล นิทานอีสป นิทานอะไรต่อมิอะไรจากร้านหนังสือมาเล่าให้ฟังอยู่เรื่อย
จนในที่สุด ชักจะหาทรัพยากรยากเข้า ผมก็นึกถึงชีวิตวัยเด็กของตัวเอง ผมจึงเริ่มเล่าเรื่องอาชิวให้พวกเขาฟัง เพื่อให้เขาอิน (In) กับเรื่องราวของเด็กรุ่นราวคราวเดียวกับพวกเขา ผมนึกถึงเหตุการณ์ตอนไหนได้ก็เล่าให้ฟังไปเรื่อย ผมพยายามสอดแทรกข้อคิดดี ๆ ให้พวกเขาบ้าง เพื่อให้เป็นทั้ง ‘แบบอย่าง’ และ ‘บทเรียน’ สำหรับลูก ๆ
ปรากฏว่าลูก ๆ ของผมชอบฟังมาก พวกเขาขำกันใหญ่ ภรรยาของผมก็ร่วมฟังอยู่ด้วยเพราะพวกเรานอนรวมกันสี่คน ในระหว่างที่ปากของผมเล่านิทานให้ลูก ๆ ฟัง มือของผมก็นวดเฟ้นภรรยาเป็นระวิงไปด้วย! ผมทำงานรับใช้ประชาชนและครอบครัวของผมแทบทุกโมงยามครับ (ฮา)
ตอนหลังผมจึงมาทบทวนเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในชีวิตตลก ๆ สนุก ๆ ที่ผ่านมา และเรียบเรียงตามลำดับ จนเกิดเป็นหนังสือชื่อ ‘อาชิว ชิว ชิว’ นี้
‘อาชิว’ จะพาท่านพบกับเหตุการณ์ต่าง ๆ ในประวัติศาสตร์ ที่ผ่านเข้ามาในชีวิต 50 ปีแรก (ครึ่งศตวรรษ – ฟังดูแก่จัง) ของ ‘อาชิว’ ตั้งแต่การสร้างแฟลตดินแดง การเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญของบ้านเมือง สถานที่ต่าง ๆ ทั่วโลก ตลอดจนบุคคลผู้มีชื่อเสียงหลายท่านที่เข้ามาโลดแล่นในฉากชีวิตของ ‘อาชิว’
บางท่านพออ่านจบแล้วอาจสงสัยว่า อาชิวไม่มีเรื่องเครียดบ้างหรือ คำตอบคือ มีครับ ทุกคนก็ต้องมีเรื่องให้หลั่งน้ำตา อาชิวก็ไม่ใช่พระอิฐพระปูน เป็นแค่ปุถุชน แต่อาชิวพยายามมองโลกในแง่บวก อะไร ๆ จึงดูน่าขันดีครับ
ผมเชื่อว่า ‘อาชิว ชิว ชิว’ เล่มนี้ปลอดสารพิษ อ่านแล้วไม่เกิดอารมณ์ค้าง แต่เป็นเรื่องบันเทิงที่แฝงไว้ซึ่งสาระและข้อคิดที่น่าจะเป็นประโยชน์ต่อทุกคนในสังคมนี้ครับ
ด้วยความเคารพ
ดร.โสภณ พรโชคชัย |