ลูกค้าโวยถูกลอยแพหลังปิดโครงการ "แสนสิริ"
|
|
สรุปสาระข่าว |
|
ยักษ์ใหญ่พัฒนาที่ดิน "แสนสิริ" แจ็กพอตโครงการคอนซอร์เตี้ยม
บบส.หน่วยงานรัฐบอกปัดไม่ยอมรับจดทะเบียนจัดตั้งนิติบุคคลบ้านจัดสรรให้
อ้างไม่ได้อยู่ภายใต้ กม.จัดสรร ลูกบ้าน "เศรษฐสิริ
รามอินทรา" โวยลั่นถูกลอยแพ ข้องใจจ้างบริษัทลูกบริหารสาธารณูปโภคส่วนกลางเงินก้อนโตหายวับ
จี้ชี้แจงด่วน ด้าน บสก.ขอเป็นคนกลางไกล่เกลี่ยหลังรับโอนงานมาจาก
บบส. |
|
ข้อคิดเห็น |
|
นี่เป็นแค่ปัญหา "หญ้าปากคอก" แท้ ๆ ไม่น่าจะเป็นปัญหาก็ทำให้เป็นปัญหาไปได้
ถึงแม้ไม่เข้าข่ายจัดสรร แต่ถ้าทำให้ถูกระเบียบก็ไม่น่าจะเสียหายอะไร
นี่คือการ "ขว้างงูไม่พ้นพอ" เป็นแท้ |
|
รายละเอียดของเนื้อข่าว |
|
ยักษ์ใหญ่พัฒนาที่ดิน "แสนสิริ" แจ็กพอตโครงการคอนซอร์เตี้ยม
บบส.หน่วยงานรัฐบอกปัดไม่ยอมรับจดทะเบียนจัดตั้งนิติบุคคลบ้านจัดสรรให้
อ้างไม่ได้อยู่ภายใต้ กม.จัดสรร ลูกบ้าน "เศรษฐสิริ
รามอินทรา" โวยลั่นถูกลอยแพ ข้องใจจ้างบริษัทลูกบริหารสาธารณูปโภคส่วนกลางเงินก้อนโตหายวับ
จี้ชี้แจงด่วน ด้าน บสก.ขอเป็นคนกลางไกล่เกลี่ยหลังรับโอนงานมาจาก
บบส.
ผู้สื่อข่าว "ประชาชาติธุรกิจ" ได้รับการร้องเรียนจากลูกบ้านในโครงการเศรษฐสิริ-รามอินทรา
ซึ่งเป็นโครงการกิจการร่วมทำ (consortium) ที่บริษัท
แสนสิริ จำกัด (มหาชน) นำทรัพย์ NPA ในความดูแลของบรรษัทบริหารสินทรัพย์ไทย
(บสท.) มาพัฒนาโครงการ เริ่มเปิดขายเมื่อปี 2547 กระทั่งล่าสุดได้เตรียมปิดการขายว่า
บริษัท พลัสพร็อพ เพอร์ตี้ พาร์ทเนอร์ จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทในเครือแสนสิริ
ที่เข้ามารับบริหารงานโครงการ ได้เรียกประชุมใหญ่สามัญเจ้าของประจำปี
2549 พร้อมทั้งจัดทำเอกสารรับรองงบการเงินหมู่บ้าน และผลดำเนินงานการรับบริหารโครงการ
และการใช้เงินค่าส่วนกลาง เพื่อให้ลูกค้าเซ็นรับทราบและยินยอม
ซึ่งในการประชุม ปรากฏว่าลูกบ้านส่วนใหญ่ไม่ยินยอมและไม่เห็นด้วยกับเอกสารรับรองงบการเงิน
และผลการดำเนินงานการรับบริหารโครงการ โดยมีประเด็นที่ต้องการให้ชี้แจงรวม
3 ข้อ คือ
1)ลูกค้าบ้านบางรายไม่ได้รับการชี้แจงรายละเอียดที่ชัดเจนจาก
บมจ.แสนสิริว่า เป็นโครงการดังกล่าวที่ดำเนินการในรูปคอนซอร์เตี้ยม
ที่บริษัทนำ NPA ของ บบส.มาพัฒนา และได้รับการยกเว้นไม่ต้องขออนุญาตจัดสรร
และไม่ต้องจัดตั้งนิติบุคคลบ้านจัด สรรขึ้นมาดูแล เท่ากับว่าลูกบ้านต้องเสียผลประ
โยชน์ เนื่องจากเจ้าของโครงการไม่ต้องจ่ายเงิน สมบทจำนวน
7% ของวงเงินกองทุนค่าส่วนกลาง เหมือนกรณีจัดตั้งนิติบุคคลบ้านจัดสรร
2)เมื่อไม่สามารถจัดตั้งนิติบุคคลบ้านจัดสรรได้ เท่ากับว่าในอนาคตหากเกิดความเสียหายขึ้นกับสาธารณูปโภคภายโครงการ
ลูกบ้านจะต้องเป็นผู้รับผิดชอบภาระเองทั้งหมด และ 3)ทราบว่าเงินค่าส่วนกลางที่โครงการจัดเก็บจากลูกบ้านทั้งหมด
ในอัตราตารางวาละ 30 บาท ถึงสิ้นปี 2549 รวมเป็นเงินประมาณ
5.4-5.7 ล้านบาท ได้ชี้แจงว่า ณ สิ้นปี 2548 เหลือเงินค่าส่วนกลางเพียงเกือบ
1.4 แสนล้านบาท และนับจากเดือนมกราคม 2549 ที่ผ่านมา
เงินส่วนนี้ต้องถูกชำระเป็นค่าบริหารงานโครงการให้กับบริษัทพลัสพร็อพเพอร์ตี้ฯอีกประมาณ
90,000 บาทต่อเดือน
ล่าสุด ลูกบ้านในโครงการจึงมีมติให้จัดตั้งคณะกรรมการชั่วคราวขึ้นมา
11 คน เพื่อเป็นตัวแทนดำเนินการให้บริษัท พลัสพร็อพเพอร์ตี้
พาร์ทเนอร์ จำกัด ทำการชี้แจงความชัดเจนภายในวันที่ 28
มิถุนายน 2549 นี้
นายวันจักร บุรณศิริ รองกรรมการผู้จัดการ บริษัท แสนสิริ
จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า บริษัทพัฒนาโครงการภายใต้โครงการคอนซอร์เตี้ยมของ
บบส. โดยนำที่ดินที่อยู่ในพอร์ตของ บบส.มาพัฒนา 2 โครงการ
คือ โครงการเศรษฐสิริ รามอินทรา ปัจจุบันปิดการขายแล้ว
มีจำนวนยูนิตประมาณ 70-80 ยูนิต และโครงการสราญสิริ รามอินทราเฟส
1 ปัจจุบันมียูนิตเหลือขาย 5-7 ยูนิต และอยู่ระหว่างการโอนให้กับลูกค้าในเร็วๆ
นี้
"เราเคยชี้แจงลูกบ้านว่าโครงการที่เข้าคอนซอร์เตี้ยมไม่สามารถจัดตั้งเป็นนิติบุคคลบ้านจัดสรรเช่นเดียวกับโครงการจัดสรรทั่วไปได้
เนื่องจากเป็นการพัฒนาเป็นกรณีพิเศษ ไม่ต้องยื่นขออนุญาตจัดสรร
และก่อนหน้านี้บริษัทได้ยื่นขอจัดตั้งนิติบุคคลบ้านจัดสรรให้กับลูกบ้านแล้ว
แต่ทางราชการเห็นว่าโครงการนี้ไม่ได้ผ่านกระบวนการขออนุญาตจัดสรรตามกฎหมาย
จึงไม่สามารถอนุญาตให้จัดตั้งนิติบุคคลได้ นอกจากจะจัดตั้งองค์กรรูปแบบอื่นรองรับ
สำหรับกรณีค่าใช้จ่ายซึ่งเป็นค่าส่วนกลาง บริษัทยืนยันว่าได้ใช้จ่ายไปตามที่ชี้แจงกับลูกบ้าน
ดังนั้นหากมีค่าใช้จ่ายที่เกินกว่านั้น ลูกบ้านก็ต้องรับผิดชอบเฉลี่ยจ่ายเพิ่มตามขนาดที่ดิน"
นอกจากนี้บริษัทยังได้ซื้อที่ดินจาก บบส.เพิ่ม เพื่อเปิดโครงการสราญสิริในเฟสที่
2 ซึ่งในส่วนที่ไม่ได้เข้าโครงการคอนซอร์เตี้ยม และได้ยื่นขออนุญาตจัดสรรตามปกติ
ซึ่งเท่ากับว่าโครงการในเฟส 2 จะสามารถจัดตั้งนิติบุคคลหมู่บ้านจัดสรรได้ตามกฎหมาย
อย่างไรก็ตาม ในภายหลังจากที่ บบส.ได้ถูกโอนย้ายไปรวมกับบริษัท
บริหารสินทรัพย์กรุงเทพพาณิชย์ จำกัด (บสก.) บริษัทยังไม่มีแผนที่จะซื้อที่ดินที่อยู่ในพอร์ตของ
บสก.มาพัฒนา เพราะไม่ได้สิทธิพิเศษเหมื่อนกับที่ซื้อจาก
บบส.
นายวิบูลพร พันธุ์กระวี ผู้อำนวยการฝ่ายกฎหมาย บริษัทบริหารสินทรัพย์กรุงเทพพาณิชย์
(บสก.) ซึ่งได้รับโอนพนักงานจาก บบส.เข้ามาอยู่ในความดูแล
เปิดเผยว่า จากที่มีลูกบ้านในโครงการเศรษฐสิริ-รามอินทรา
ร้องเรียนเกี่ยวกับประเด็นความไม่ชัดเจนในการชี้แจงรายละเอียดโครงการ
และการบริหารงบการเงินและค่าส่วนกลางนั้น ในเบื้องต้นคงจะต้องตรวจสอบข้อเท็จจริงจากทั้ง
2 ฝ่าย หากไม่สามารถตกลงกันได้ บสท.ยินดีเป็นตัวกลางดำเนินการไกล่เกลี่ย
สำหรับประเด็นปัญหาหลักในเรื่องนี้น่าจะอยู่ที่เรื่องงบการเงินหมู่บ้าน
และการบริหารใช้จ่ายค่าส่วนกลาง ซึ่งตามหลักผู้ประกอบการจะต้องชี้แจงข้อมูลอย่างชัดเจน
ส่วนกรณีที่มีการตั้งข้อสังเกตว่าเงินค่าส่วนกลางเหลือเพียง
1.4 แสนบาท จากทั้งหมดที่จัดเก็บประมาณ 5.4-5.7 ล้านบาทนั้น
คงต้องให้บริษัทที่รับบริหารโครงการดำเนินการชี้แจงรายละเอียดทั้งหมดอีกครั้ง
ทั้งนี้ ตามกฎหมาย บบส.จัดตั้งขึ้นตาม พ.ร.ก. การนำทรัพย์
NPA ไปพัฒนาตามโครงการคอนซอร์เตี้ยมโดยร่วมกับผู้ประกอบการจะได้รับการยกเว้นไม่ต้องขออนุญาตจัดสรร
แต่อาจจัดตั้งเป็นสหกรณ์ หรือจดทะเบียนจัดตั้งเป็นบริษัทเพื่อดูแลค่าส่วนกลางแทนการจัดตั้งเป็นนิติบุคคลบ้านจัดสรร
อย่างไรก็ตาม ที่ผ่านมามีโครงการคอนซอร์เตี้ยมทั้งหมด
15 โครงการ และทาง บบส.ก็ยังไม่เคยได้รับการร้องเรียนปัญหาในลักษณะนี้
เนื่องจากได้กำชับเจ้าของโครงการให้ชี้แจงรายละเอียดให้ลูกค้ารับทราบ
และในทางปฏิบัติเมื่อมีการลงโฆษณาจะมีการแจ้งให้ทราบว่าเป็นโครงการคอนซอร์เตี้ยมที่ผู้ประกอบการร่วมกับ
บบส.เพื่อใช้เป็นจุดขายสร้างความมั่นใจให้กับลูกค้า |