|
|
สรุปสาระข่าว |
|
เมื่อเวลา
14.00 น. วันที่ 9 ม.ค. เกิดเหตุเพลิงไหม้ บริษัทยูไนเต็ด
ยูเนียนพาร์ท จำกัด ซอยวัดดวงแข ถนนพระราม 6 แขวงรองเมือง
เขตปทุมวัน กทม. ซึ่งเป็นอาคารพาณิชย์ สูง 7 ชั้น
จำนวน 5 คูหา จำหน่ายชิ้นส่วนอะไหล่รถยนต์ และอุปกรณ์ตกแต่งรถยนต์
นานาชนิด เจ้าหน้าที่ดับเพลิงสวนมะลิได้นำกำลังประมาณ
10 นาย แต่งชุดผจญเพลิงพร้อมหัวฉีดดับเพลิงครบชุด
พังประตูอาคารเข้าไปภายในเพื่อค้นหาผู้ที่ติดอยู่
ท่ามกลางกลุ่มควันที่ยังหนาทึบ จนกระทั่งเวลา 15.35
น. ความร้อนระอุของเปลวไฟทำให้ตัวอาคารแตกร้าวอย่างเห็นได้ชัด
โดยเฉพาะผนังตึกด้านข้างร้าวปริส่งเสียงดังลั่น
ทันใดนั้นตึกทั้งหลังก็พังครืนถล่มลงมาในพริบตา
เศษเหล็กเศษปูนจากอาคารหล่นใส่ กระเช้าดับเพลิงจนหักพังไป
ทำให้เจ้าหน้าที่ตำรวจได้รับบาดเจ็บ นอกจากนี้
ยังมีเจ้าหน้าที่ดับเพลิงถูกเศษอาคารหล่นใส่อีก
4-5 คน ทั้งหมดถูกนำส่ง รพ.เลิดสิน ขณะเดียวกัน
รถกระบะอีซูซุ สีน้ำเงิน ของบริษัทที่จอดอยู่ด้านหน้าอาคารอีก
3 คัน พังยับเยินไปทั้งหมด นอกจากนี้ยังพบเจ้าหน้าที่ถูกทับเสียชีวิตและอีก
5-6 คนยังไม่ทราบชะตากรรม |
|
ข้อคิดเห็น |
|
ดูภาพชุดเหตุการณ์เพลิงไหม้
บริษัทยูไนเต็ด ยูเนียนพาร์ท (ไทยรัฐ, จันทร์ที่
10 มกราคม 2548)
ดูประมวลภาพการเร่งช่วยชีวิตเหตุอาคารถล่ม (ผู้จัดการออนไลน์
10 มกราคม 2548 13:11 น.)
เรื่องนี้ส่วนหนึ่งเป็นปัญหาการขาดการตรวจสอบ ควบคุมการก่อสร้างอาคารที่ดี
จะเห็นได้ว่ามีกรณีเช่นนี้เกิดขึ้นหลายหน มักจะเกิดซ้ำซากและทำทีล้อมคอกหลังเหตุการณ์ใหม่
ๆ เช่น
นายกฯสั่งผู้ว่าฯกทม.สอบอาคาร50
เขตทั่วกทม. (กรุงเทพธุรกิจ 10 มกราคม 2548)
ทักษิณเฉ่งกทม.-บช.น.
อืดอาดดับไฟช้า (กรณีห้างเอทีเอ็ม) (ไทยรัฐ, 25 พฤศจิกายน 2546)
แต่ก็สร่างซาไปในภายหลังเสมอ
3,500
คดีอาคารต่อเติมจะรื้อได้ต้องผ่าน 3 ศาล (ไทยรัฐ, 29 พฤศจิกายน 2546)
"นิวเวิลด์"อาถรรพ์
กทม.- แก้วฟ้าแย่งขออำนาจรื้อถอน ผู้จัดการออนไลน์ 17 มีนาคม 2547 21:49 น.
กทม.ล้อมคอกรื้อถอน
3,300 อาคารผิดแบบ พิมพ์ไทย 3 มิถุนายน 2547 16:20 น.
อาถรรพณ์หรือประมาท'นิวเวิลด์ถล่ม'คน-ฟ้า..ใครกำหนด เดลินิวส์
มิถุนายน 2547 |
|
รายละเอียดของเนื้อข่าว |
|
เมื่อเวลา 14.00 น.
วันที่ 9 ม.ค. ร.ต.ท.คมวุฒิ จองบุญวัฒนา ร้อยเวร
สน.ปทุมวัน รับแจ้งเหตุเพลิงไหม้ บริษัทยูไนเต็ด
ยูเนียนพาร์ท จำกัด เลขที่ 14, 14/13-14/16 ซอยวัดดวงแข
ถนนพระราม 6 แขวงรองเมือง เขตปทุมวัน กทม. จึงนำรถน้ำกว่า
20 คัน รถกระเช้า ไปที่เกิดเหตุ ซึ่งเป็นอาคารพาณิชย์
สูง 7 ชั้น จำนวน 5 คูหา จำหน่ายชิ้นส่วนอะไหล่รถยนต์
และอุปกรณ์ตกแต่งรถยนต์ นานาชนิด ขณะเกิดเหตุเป็นวันหยุดปิดร้าน
กลุ่มควันดำหนาแน่นพวยพุ่งออกมาจากชั้น 4 และชั้น
5 ซึ่งมีกล่องกระดาษบรรจุชิ้นส่วน อุปกรณ์รถยนต์วางสุมกันเต็มไปหมด
คาดว่าคงลุกไหม้ชิ้นส่วนประกอบรถยนต์ เจ้าหน้าที่
ต้องแบ่งกำลังฉีดน้ำโดยรอบตัวอาคาร โดยใช้รถยกกระเช้าขึ้นไปฉีดน้ำทะลุกระจกหน้าต่างเข้าไปยังจุดต้นเพลิง
อีกส่วนหนึ่งขึ้นไปฉีดน้ำบนทางด่วนที่อยู่ใกล้ๆลงมาเลี้ยงไว้เพื่อไม่ให้ลุกลาม
ขณะเดียวกัน เจ้าหน้าที่ดับเพลิงสวนมะลิได้นำกำลังประมาณ
10 นาย แต่งชุดผจญเพลิงพร้อมหัวฉีดดับเพลิงครบชุด
พังประตูอาคารเข้าไปภายในเพื่อค้นหาผู้ที่ติดอยู่
ท่ามกลางกลุ่มควันที่ยังหนาทึบ
จนกระทั่งเวลา 15.35 น. ความร้อนระอุของเปลวไฟทำให้ตัวอาคารแตกร้าวอย่างเห็นได้ชัด
โดยเฉพาะผนังตึกด้านข้างร้าวปริส่งเสียงดังลั่น ทันใดนั้นตึกทั้งหลังก็พังครืนถล่มลงมาในพริบตา
เศษอิฐเศษปูนของตัวอาคารลงมากองเป็นซากปรักหักพังกองพะเนิน ท่ามกลางกลุ่มควันและฝุ่นฟุ้งตลบไปทั่ว
เศษเหล็กเศษปูนจากอาคารหล่นใส่ กระเช้าดับเพลิงจนหักพังไป ทำให้ พ.ต.ท.กิตติ วิริยะสกุลพันธ์
หัวหน้าดับเพลิงสวนมะลิ ซึ่งอำนวยการดับเพลิงอยู่บนกระเช้า และ จ.ส.ต.ลือชัย นันทวงศ์
เจ้าหน้าที่ดับเพลิงบรรทัดทองซึ่งยืนถือหัวฉีดน้ำดับเพลิง ร่วงหล่นลงไปกองอยู่ที่พื้นได้รับบาดเจ็บสาหัส
ส่วน ส.ต.อ.วรกิจ มรขาม เจ้าหน้าที่ดับเพลิงบรรทัดทองซึ่งบังคับรถกระเช้า ถูกเศษปูนหล่นใส่ได้รับบาดเจ็บเช่นกัน
นอกจากนี้ ยังมีเจ้าหน้าที่ดับเพลิงถูกเศษอาคารหล่นใส่อีก 4-5 คน ทั้งหมดถูกนำส่ง
รพ.เลิดสิน ขณะเดียวกัน รถกระบะอีซูซุ สีน้ำเงิน ของบริษัทที่จอดอยู่ด้านหน้าอาคารอีก
3 คัน พังยับเยินไปทั้งหมด
หลังเกิดเหตุ ร.ต.อ.สุรเดช เชื้อทิน อายุ 51 ปี รอง สว.ดับเพลิงบรรทัดทอง
ช่วยราชการดับเพลิงสวนมะลิ ซึ่งเข้าไปสำรวจตัวอาคารพร้อมกับลูกน้องอีก 4 คน ได้ใช้
โทรศัพท์มือถือแจ้งกับเจ้าหน้าที่หน่วยดับเพลิงสวนมะลิที่อยู่ด้านนอก ว่าถูกตึกถล่มทับบาดเจ็บอยู่บริเวณตัวอาคารชั้น
2 เจ้าหน้าที่จึงช่วยกันใช้เครื่องมือเจาะกำแพงตึกด้านข้างเข้าไปช่วยเหลือ แต่การทำงานเป็นไปด้วยความยากลำบากเพราะไม่สามารถหาตำแหน่งที่แน่นอน
อีกทั้งซากปรักหักพังกองพะเนินสูงเท่าตึก 2 ชั้น ทำให้ยังไม่ สามารถเข้าไปช่วยเหลือได้
จนในที่สุดเมื่อเจ้าหน้าที่โทรศัพท์ติดต่อไปอีกครั้ง ร.ต.อ.สุรเดชไม่รับสายแล้ว
ต่อมานายอภิรักษ์ โกษะโยธิน ผู้ว่าฯ กทม. นางสุดารัตน์
เกยุราพันธุ์ รมว.สาธารณสุข เดินทางไปตรวจสถานที่เกิดเหตุ พร้อมสั่งห้ามผู้ที่ไม่เกี่ยวข้องเข้าใกล้ซากอาคารทันที
จากนั้นหาทางค้นหาช่วยเหลือผู้ที่ติดอยู่ด้านใน โดยติดต่อรถยกขนาดใหญ่ และรถเครื่องกลหนักเพื่อเข้าไปขุดเจาะ
นายอภิรักษ์เปิดเผยว่า จากการสอบถามเจ้าหน้าที่ในเบื้องต้น ทราบว่าขณะหน่วยผจญเพลิงเข้าไปด้านในชั้นที่
3 และชั้นที่ 4 มีผู้ได้รับบาดเจ็บ 4 คน คือนายสุรินทร์ จันทร์ทับ อายุ 28 ปี นายอภินันท์
ปัญญาวรายุทธ อายุ 24 ปี เจ้าหน้าที่บรรเทาสาธารณภัย พ.ต.ท.กิตติ วิริยะสกุลพันธ์
เจ้าหน้าที่ดับเพลิงบรรทัดทอง นายธนัส อุ่นใจเพื่อน อายุ 23 ปี อปพร.หน่วยบางกอกน้อย
นอกจากนี้มีผู้ติดอยู่ด้านในอีกจำนวนหนึ่ง ซึ่งภายหลังติดต่อกันไม่ได้
ต่อมาเจ้าหน้าที่หน่วยกู้ภัย 3 คัน ได้ผูกตัวด้วยลวดสลิงโรยตัว
จากรถยกลงไปบนกองซากอาคาร เพื่อใช้ไฟฉายส่องหาผู้บาดเจ็บ ตามซอกอาคาร ก่อนรายงานให้นายอภิรักษ์ทราบว่า
จะต้องใช้รถยกยกเศษซากอาคาร บนกองตึกก่อนเพื่อเปิดพื้นที่ด้านบน แล้วค่อยๆลงไปค้นหา
คุณหญิงณฐนนท ทวีสิน ปลัด กทม. เปิดเผยว่า อาคารดังกล่าว
เป็นอาคารเก่าอายุกว่า 10 ปี ตอนแรกขออนุญาตก่อสร้างไว้ 5 ชั้น ต่อมาต่อเติมเป็น
7 ชั้น ขณะนี้กำลังให้ตรวจสอบว่าการต่อเติมได้ขออนุญาตถูกต้องหรือไม่ หากไม่ถูกต้อง
เจ้าของอาคารก็จะถูกดำเนินคดี ส่วนสาเหตุที่ถล่มลงมาเป็นเพราะอาคารเก่า มีน้ำที่ฉีดเข้าไปเยอะ
และถูกความร้อนของไฟ ในวันที่ 10 ม.ค. นายอภิรักษ์ได้เรียกผู้เกี่ยวข้องเพื่อประชุมหารือ
ถึงมาตรการป้องกันแก้ไขไม่ให้เกิดเหตุเช่นนี้ซ้ำซ้อนอีก
สำหรับการค้นหาผู้ที่ติดอยู่ด้านในซากอาคาร โดยเฉพาะเจ้าหน้าที่หน่วยดับเพลิงสวนมะลิ
หลังขาดการติดต่อ เนื่องจากยังไม่สามารถหาจุดที่ติดอยู่ได้อย่างแน่นอน เจ้าหน้าที่ต้องใช้รถหนีบหยิบยกซากเศษอิฐเศษปูนออกทีละชิ้นทีละแผ่น
ตั้งแต่ข้างบนลงไป เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดการถล่มซ้ำอีก ขณะเดียวกันก็ให้หน่วยกู้ภัยใช้ไฟฉายส่องสว่างไปตามซอกช่องโหว่เพื่อค้นหาผู้บาดเจ็บ
แต่ เนื่องจากกองเศษซากปรักหักพังมีจำนวนมาก การทำงานต้องค่อยเป็นค่อยไป โดยยังไม่สามารถทราบยอดจำนวนคนที่ติดค้างอยู่ในตึกได้
ขณะที่ถนนพระราม 6 ช่วงเกิดเหตุต้องปิดการจราจรโดยสิ้นเชิง เพื่อให้สะดวกในการนำรถยกไปเตรียมพร้อมเพื่อปฏิบัติหน้าที่
สำหรับผู้ที่ติดอยู่ในอาคารเท่าที่ตรวจสอบชื่อได้บางคน
ได้แก่ 1. ร.ต.อ.สุรเดช เชื้อทิน 2. นายกิตติพันธ์ เทพพิทักษ์ 3. นายดนัย 4. นายอุ้ย
5. นายบิลลี่ 6. นายตาล ไม่ทราบนามสกุล ทั้งหมดเป็นอาสาสมัครกู้ภัย
ด้านการสอบสวนเจ้าของอาคารเกิดเหตุ ในเบื้องต้น เจ้าหน้าที่ได้นำตัวนายแสงอรุณ
คณาดำรงศักดิ์ ลูกชายเจ้าของอาคารไปสอบสวนให้การว่า ขณะเกิดเหตุพักอยู่บนชั้น 5
และได้กลิ่นควันไฟ จากนั้นได้ยินเสียงคนในบ้านร้องตะโกนว่าไฟไหม้ๆ จึงวิ่งลงจากชั้น
5 ไปด้านล่าง เห็นไฟลุกไหม้สินค้าที่เก็บอยู่บนชั้น 4 จึงหนีเอาตัวรอด โดยสาเหตุอาจเกิดจากไฟฟ้าลัดวงจร
เพราะมีหม้อแปลงไฟติดตั้งอยู่ที่ชั้น 4
เมื่อเวลา 21.00 น. เจ้าหน้าที่ได้ขุดเจาะซากอาคารจากด้านบนลงไปเป็นช่องเล็กๆ
ลึกลงไปประมาณ 3 เมตร สามารถมองเห็นร่างของเจ้าหน้าที่ 2 คน นอนคุดคู้แน่นิ่งโดยถูกซากอาคารทับอยู่
ยังไม่แน่ชัดว่ายังมีชีวิตอยู่หรือไม่ จึงใช้วิธีเจาะผนังอาคารด้านใกล้ที่สุดเพื่อเข้าไปให้ความช่วยเหลือ
แต่ก็เป็นไปด้วยความยากลำบาก เพราะเกรงว่าซากอาคารด้านบนจะพังทับลงมาอีก จากนั้นเวลา
22.30น. เจ้าหน้าที่ที่เจาะผนังอาคารด้านล่างเข้าไป พบศพนายพีระพงษ์ พินิจมนตรี
เจ้าหน้าที่อาสากู้ภัย ถูกคานคอนกรีตหล่นลงมาทับเสียชีวิตในลักษณะกึ่งนั่งกึ่งยืน
แต่ยังไม่ สามารถนำศพออกมาได้ ส่วนเจ้าหน้าที่ที่เหลืออีกราว 5-6 คน ยังหาตัวไม่พบ |