เมินแลนด์ฯฟ้องกคช.ยันขายที่ได้
ฐานเศรษฐกิจ, 14-17 กันยายน 2546 หน้า 1
 
สรุปสาระข่าว
 
        กคช.เฉือนที่ดินทำเลทองในกทม. 9 ทำเลค่ากว่า 1,000 ล้าน เทขายให้บริษัทพัฒนาที่ดิน พร้อมลักไก่ขาย ที่ดินทำเลทองประชานิเวศน์มูลค่ากว่า 600 ล้านต่อหลัง แลนด์แอนด์เฮ้าส์บอกเลิกสัญญาและฟ้องร้องต่อศาล เรียกค่าเสียหาย 688 ล้าน อ้างที่ดินติดภาระผูกพันกับบริษัทเมโทรฯ ด้านกคช. ออกโรงโต้ที่ดินประชานิเวศน์ปัญหาฟ้องศาลแพ่ง 2 คดี เป็นเพียงเรียกค่าเสียหายไม่เกี่ยวกับภาระผูกพันที่ดิน ขณะ ที่ "สรวุฒิ" รองผู้ว่าการกคช. พูดชัด "สามารถซื้อขายได้" อ้างบริษัทแลนด์ฯ ไม่ได้ฟ้อง เพื่อบังคับให้โอนกรรมสิทธิ์ ที่ดิน
 
ข้อคิดเห็น
 
    ในเนื้อข่าวตอนท้ายมีข้อสังเกตว่า "...ทำไม กคช. ไม่นำที่ดินดังกล่าวมาพัฒนาเอง เพื่อพัฒนาโครงการของ กคช. หากยืนยันว่าที่ดินราคาแพง ก็สามารถพัฒนาขายประชาชนทั่วไปได้ น่าแปลกมาก ขณะนี้กคช.มีการประกาศซื้อที่ดินเพื่อพัฒนาโครงการ ในขณะเดียวกันก็มีการประกาศขายที่ดินในมือออกมา"
    นี่แหละครับคนเขาจะมองว่า อาจมีผลประโยชน์ในกระบวนการซื้อ ๆ ขาย ๆ ได้
        และนี่ก็เป็นอีกตัวอย่างหนึ่งว่า จะซื้อ-จะขายอสังหาริมทรัพย์ ของหน่วยราชการ ควรมีการประเมินค่าทรัพย์สิน โดยคนที่เป็นอิสระ ไม่ใช่ให้ผู้มีส่วนได้เสียประเมินกันเอง หรือว่าจ้างให้ประเมินเอง
 
รายละเอียดของเนื้อข่าว
 
        กคช.เฉือนที่ดินทำเลทองในกทม. 9 ทำเลค่ากว่า 1,000 ล้าน เทขายให้บริษัทพัฒนาที่ดิน พร้อมลักไก่ขาย ที่ดินทำเลทองประชานิเวศน์มูลค่ากว่า 600 ล้านต่อหลัง แลนด์แอนด์เฮ้าส์บอกเลิกสัญญาและฟ้องร้องต่อศาล เรียกค่าเสียหาย 688 ล้าน อ้างที่ดินติดภาระผูกพันกับบริษัทเมโทรฯ ด้านกคช. ออกโรงโต้ที่ดินประชานิเวศน์ปัญหาฟ้องศาลแพ่ง 2 คดี เป็นเพียงเรียกค่าเสียหายไม่เกี่ยวกับภาระผูกพันที่ดิน ขณะ ที่ "สรวุฒิ" รองผู้ว่าการกคช. พูดชัด "สามารถซื้อขายได้" อ้างบริษัทแลนด์ฯ ไม่ได้ฟ้อง เพื่อบังคับให้โอนกรรมสิทธิ์ ที่ดิน
        ตามที่บริษัทแลนด์แอนด์เฮ้าส์ จำกัด (มหาชน) ได้ยื่นฟ้องการเคหะแห่งชาติ (กคช.) ต่อศาลแพ่งรัชดา-ภิเษก เพื่อเรียกค่าเสียหายวงเงิน 688,750,000 บาท กรณีผิดสัญญา ซื้อ-ขายที่ดินย่านประชานิเวศน์ 2 เนื้อที่ 144 ไร่ ที่ผ่านมาและล่าสุด กคช.ได้นำที่ดินแปลงดังกล่าวออกมา ประกาศขายอีกครั้ง
        เกี่ยวกับเรื่องนี้ นายสรวุฒิ ตัง-กาพล รองผู้ว่าการการเคหะแห่งชาติ(กคช.) เปิดเผย "ฐานเศรษฐกิจ" ว่า ขณะนี้กคช.ได้ประกาศขายที่ดินทำเลทองในเขตกทม. จำนวน 9 ทำเล มูล-ค่า กว่า 1,000 ล้านบาท ได้แก่ บริเวณ โครงการเคหะชุมชนประชานิเวศน์ 2 ระยะ2 ติดกับโครงการเคหะชุมชนประชานิเวศน์2ระยะ1 จำนวน 144 -0-91ไร่ มูลค่า 600 กว่าล้านบาท ที่ดินบริเวณโครงการเหคะชุมชนธนบุรี 2 ตั้งอยู่บริเวณด้านข้างการไฟฟ้านครหลวงเขตบางขุนเทียน ติดถนนพระราม 2 กิโลเมตรที่ 7.5 จำนวน 2 แปลง เนื้อที่ 42-2-39 ไร่ แปลงที่ 2 ประมาณ 1 ไร่ ที่ดินบริเวณโครงการเมืองใหม่บางพลี ตั้งอยู่ติดกับถนนเทพารักษ์ จำนวน 1 แปลง เนื้อที่ประมาณ 20-3-34 ไร่ ที่ดินบริเวณโครงการเคหะชุมชน ปทุมธานี ติดถนนปทุมสัมพันธ์จำนวน 1 แปลง เนื้อที่ประมาณ 1-3-89 ไร่ และที่ดินบริเวณโครงการเคหะชุมชนร่มเกล้าจำนวน 9 ไร่ โดยให้เอกชนที่สนใจยื่นซองราคามายังกคช.ในวันที่ 10 ตุลาคม 2546 นี้ ทั้งนี้ราคาที่เสนอจะต้องไม่ต่ำกว่าราคาประเมินที่ดิน ทั้งนี้ที่ดินทำเลทองดังกล่าวเป็นทำเลที่มีศักยภาพสามารถพัฒนาในเชิงพาณิชย์และโครงการที่อยู่อาศัยระดับสูงเท่านั้น กคช.ไม่มีโอกาสเข้าไปลงทุนส่วนนี้ได้นอกจากนี้ไม่สามารถนำมาพัฒนาโครงการเคหะชุมชน หรือโครงการบ้านเอื้ออาทรได้เช่นเดียวกัน นายสรวุฒิกล่าวต่อไปว่า อย่างไรก็ดีสาเหตุที่กคช.นำที่ดินแปลงดังกล่าวมาออกประกาศขายใหม่อีกครั้งทั้งๆ ที่ผ่านมาได้มีการประกาศซื้อขายไปแล้วและมีคดีฟ้องร้องต่อศาลต่อปัญหาที่ดินแปลงดังกล่าวถึง 2 คดี คือบริษัทเมรโทรเฮ้าส์ซิ่งคอนสตรัคชั่นจำกัด และบริษัทแลนด์แอนด์เฮ้าส์ฯ เนื่องจากมีบริษัทพัฒนาที่ดินหลายรายสนใจซื้อแปลงที่ดินดังกล่าว เพราะเชื่อว่าเป็นการฟ้องร้องเพื่อเรียกค่าเสียหายไม่เกี่ยวกับภาระผูกพันในแปลงที่ดิน
        "ยืนยันว่าที่ดินแปลงดังกล่าวไม่มีภาระผูกพันใดๆ กับใครสามารถซื้อ-ขายได้ตามปกติและปัญหาตามมาภายหลัง
        แม้จะมีการฟ้องร้องแต่เป็นการฟ้องร้องเพื่อเรียกค่าเสียหายกคช.กรณีที่ทำให้เสียโอกาสเท่านั้น ไม่ได้ฟ้องร้องเพื่อบังคับให้โอนกรรมสิทธิ์ในที่ดินแต่อย่างใด" นายสรวุฒิกล่าวต่อว่า แปลงที่ดินประชานิเวศน์2 เนื้อที่ 144-0-91 ไร่ดังกล่าว
        เดิมกคช.ได้ตกลงขายและทำสัญญาจะซื้อจะขายให้กับบริษัทแลนด์แอนด์เฮ้าส์ฯไปแล้วในวงเงิน 605ล้านบาท แต่ปรากฎว่าวันโอนกรรมสิทธิบริษัทกลับเป็นฝ่ายผิดนัดโอนฯ และต่อมาได้ขอยกเลิกสัญญาจะซื้อจะขายกับกคช. และฟ้องร้องต่อศาลแพ่ง รัชดาภิเษกเพื่อเรียกค่าเสียหายวงเงิน 688 ล้านบาท โดยอ้างว่าทำให้บริษัทเสียโอกาสทางธุรกิจปกปิดข้อมูลกรณีที่ที่ดินมีภาระผูกพันและยังมีคดีฟ้องร้องเกี่ยวกับแปลงที่ดินดังกล่าวกับบริษัทเมโทร
        เฮ้าส์ซิ่งแอนด์คอนสตรัคชั่นจำกัด โดยเรื่องอยู่ระหว่างการพิจารณาของศาลฎีกากรณีเรียกร้องค่าเสียหายที่ทำให้เสียโอกาสเช่นเดียวกัน ซึ่งที่ผ่านมาบริษัทเมโทรได้แพ้ดคีไปแล้ว 2 ศาล และเชื่อว่าคำพิพากษาของศาลฎีกาน่าจะออกมาเหมือนกับศาลชั้นต้นและศาลอุธรณ์ นอกจากนี้กรณีที่บริษัทแลนด์แอนด์เฮ้าส์ ฯอ้างว่าแปลงที่ดินไม่มีทางเข้าออก และมีชาวบ้านปิดทางเข้าออกนั้นไม่เป็นความจริง เพราะมีทางเข้าออกหลายทาง และที่ชาวบ้านปิดทางเข้าออกนั้นเชื่อว่าเป็นการเข้ามาบุกรุกอยู่อาศัยชั่วคราว ด้านแหล่งข่าวจากบริษัทแลนด์แอนด์เฮ้าส์ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยถึงกรณีดังกล่าวว่า เรื่องนี้ทางผู้บริหารกคช.ก็ทราบว่ามีการฟ้องร้องกับบริษัทเมโทรฯอยู่ก่อนแล้ว แต่ก็ยังมีการนำเอามาประมูลขาย และทางบริษัทไม่มีใครทราบเรื่องฟ้องร้องมาก่อน กระทั่งคู่กรณีแจ้งมาให้ทราบ หากมีการโอนกันไป ทางบริษัทมีสิทธิสูญเงินฟรีหากศาลฎีกาตัดสินให้กคช.แพ้
        ทั้งนี้การมีคดีฟ้องร้องในศาลอยู่ก่อนแล้วนั้น เป็นสาเหตุหนึ่งที่บริษัทแลนด์ไม่ทำการโอน และบางส่วนของพื้นทียังเป็นที่ดินสาธารณะ บริษัมจึงปฎิเสธการรับโอน และขอเงินค้ำประกันคืน แต่ทางกคช.กลับยืนยันว่า จะคืนให้ก็ต่อเมื่อศาลมีคำสั่งเท่านั้น เท่ากับว่าให้ไปร้องศาลเอาเอง ดคีที่บริษัทร้องไปตอนนี้ศาลประทับรับฟ้องแล้วเช่นกัน
        อย่างไรก็ตามเป็นที่น่าสังเกตว่าทำไม กคช.ไม่นำที่ดินดังกล่าวมาพัฒนาเอง เพื่อพัฒนาโครงการของกคช. หากยืนยันว่าที่ดินราคาแพง ก็สามารถพัฒนาขายประชาชนทั่วไปได้ น่าแปลกมาก ขณะนี้กคช.มีการประกาศซื้อที่ดินเพื่อพัฒนาโครงการ ในขณะเดียวกันก็มีการประกาศขายที่ดินในมือออกมา
        อนึ่ง บริษัทแลนด์แอนด์เฮ้าส์ได้ตกลงทำสัญญาจะซื้อจะขายที่ดินที่ประชานิเวศน์ 2 ระยะ2 ตำบาลท่าทราย อำเภอเมือง จังหวัดนนทบุรี จำนวน 1 แปลง 144-0-91 ไร่ ราคา 605,430,000 บาท เมื่อเดือนกันยายน 2545 ที่ผ่านมา โดยวางมัดจำจำนวน 60,543,000 บาท ส่วนที่เหลือ ตกลงชำระวันโอนกรรมสิทธิ 554,887,000 บาท ต่อมาภายหลังบริษัทแลนด์แอนด์เฮ้าส์ไม่มาโอนฯตามนัดพร้อมทั้งยกเลิกสัญญาจะซื้อจะขายและฟ้องร้องกคช.ต่อศาลข้อหาจงใจปกปิดข้อมูลที่ยังมีคดีฟ้องร้องกับบริษัทเมโทรเฮ้าส์ซิ่งแอนด์คอนสตรัคชั่นอยู่