ทุนเก่า-ใหม่แห่แจมบ้านจัดสรร
ควักกระเป๋า-กู้แบงก์ลงทุนโครงการหวังแชร์ตลาดรับกระแสฟื้น
สรุปสาระข่าว

        ผู้ประกอบการโบรกเกอร์-รับสร้างบ้าน-โรงภาพยนตร์สุดทนกระแส บ้านโตขอโดดร่วมวงสนามบ้านจัดสรร หวังแชร์ตลาดรับกระแส บ้านโต ควักระเป๋าตัวเองและกู้แบงก์ลุยค่าย "บัวทอง พร็อพเพอร์ตี้" โบรกเกอร์บ้านมือสองขอประเดิมทำเลย่านตลิ่งชัน มูลค่าโครงการ 150 ล้าน ผุดบ้านเดี่ยวราคา 2.5 ล้าน ด้าน "บางกอก-บัวทอง" เจ้าของโครงการ สมบัติบุรี พันธมิตรตระกูล "เสริมสิริมงคล" ขยับแผนสอง ผุดบ้านเดี่ยว-บ้านแฝด ขณะที่ตระกูล "พูลวรลักษณ์" กลุ่มธุรกิจโรงภาพยนตร์เมจอร์ ประเดิมโครงการการ์เด้นท์วิว ย่านลาดพร้าว 112 ราคา 3.8 ล้านพร้อมลุยต่ออีก 1 โครงการในมือง "รอแยลเฮ้าส์" รับสร้างบ้านฉันลุยแน่ไม่เปลี่ยนใจ โครงการ "บ้านอุ่นรัก" ย่านถนนติวานนท์ ควักกระเป๋าลงทุนเอง เซียนที่ดินเตือนระวังจะกลับเข้าสู่วงจรเดิมยุคฟองสบู่
 
ข้อคิดเห็น

        ดร.โสภณ พรโชคชัย ประธาน มูลนิธิประเมินค่าทรัพย์สินแห่งประเทศไทย ได้เคยตั้งข้อสังเกตมานานแล้วว่าภาวะตลาดยังไม่ถือว่า "ฟื้น" อย่างชัดเจน เพราะสังเกตได้ว่า ยังไม่มีผู้ประกอบการหน้าใหม่เกิดขึ้น ข่าวนี้อาจทำให้เกิดความคิดว่า สถานการณ์ "ฟื้น" แล้วจริง ๆ เพราะมี "ทุนใหม่" เข้ามาแล้ว
        ความจริงก็คือ ยังไม่มี "ทุนใหม่" หรือผู้ประกอบการหน้าใหม่รายใดเข้ามาในตลาด ที่เข้ามาล้วนเคยมีประสบการณ์ด้านอสังหาริมทรัพย์มาก่อนในทางใดทางหนึ่ง ซึ่งผิดกับช่วงก่อนเกิดวิกฤติที่มีเจ้าของกิจการอุตสาหกรรมแทบทุกประเภท เช่น เจ้าของห้างทอง เจ้าของร้านมอเตอร์ไซค์ เจ้าของกิจการเรือเดินทะเล เจ้าของฟาร์มปศุสัตว์ ฯลฯ กระโดดเข้าวงการกันมามากมาย
        ทำไมจึงมีนักลงทุนกระโดดเข้ามามากมายในช่วงก่อน คำตอบที่ชัดเจนก็คือ ได้กำไรงาม แต่ภาวะขณะนี้ ประกอบอสังหาริมทรัพย์ได้กำไรงามหรือ ไม่ใช่เลย
        ผู้ประกอบการที่พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ในวันนี้ บ้างทำเพื่อใช้หนี้ให้จบไป เพื่อให้หุ้นในตลาดมีความเคลื่อนไหว แต่ก็มีมืออาชีพจำนวนหนึ่งที่สามารถไปซื้อ "ของถูก" มาปัดฝุ่นขายใหม่โดยมี "capital gain" เป็นหลักประกันตั้งแต่เริ่มต้น
        ดังนั้น อ่านข่าวแล้ว ต้องตรองให้มากด้วย
 
รายละเอียดของเนื้อข่าว

ทุนเก่า-ใหม่แห่แจมบ้านจัดสรร
ควักกระเป๋า-กู้แบงก์ลงทุนโครงการหวังแชร์ตลาดรับกระแสฟื้น

        ผู้ประกอบการโบรกเกอร์-รับสร้างบ้าน-โรงภาพยนตร์สุดทนกระแส บ้านโตขอโดดร่วมวงสนามบ้านจัดสรร หวังแชร์ตลาดรับกระแส บ้านโต ควักระเป๋าตัวเองและกู้แบงก์ลุยค่าย "บัวทอง พร็อพเพอร์ตี้" โบรกเกอร์บ้านมือสองขอประเดิมทำเลย่านตลิ่งชัน มูลค่าโครงการ 150 ล้าน ผุดบ้านเดี่ยวราคา 2.5 ล้าน ด้าน "บางกอก-บัวทอง" เจ้าของโครงการ สมบัติบุรี พันธมิตรตระกูล "เสริมสิริมงคล" ขยับแผนสอง ผุดบ้านเดี่ยว-บ้านแฝด ขณะที่ตระกูล "พูลวรลักษณ์" กลุ่มธุรกิจโรงภาพยนตร์เมจอร์ ประเดิมโครงการการ์เด้นท์วิว ย่านลาดพร้าว 112 ราคา 3.8 ล้านพร้อมลุยต่ออีก 1 โครงการในมือง "รอแยลเฮ้าส์" รับสร้างบ้านฉันลุยแน่ไม่เปลี่ยนใจ โครงการ "บ้านอุ่นรัก" ย่านถนนติวานนท์ ควักกระเป๋าลงทุนเอง เซียนที่ดินเตือนระวังจะกลับเข้าสู่วงจรเดิมยุคฟองสบู่
        กระแสการเติบโตของธุรกิจบ้านจัดสรรในปีที่ผ่านมา รวมถึงไตรมาสแรกของปีนี้ มีทิศทางที่ดีขึ้นอย่างต่อเนื่องโดยเฉพาะผู้ประกอบการที่สามารถทำยอดขายไว้เป็นอันดับต้น 1 ใน 10 เมื่อที่ผ่านมา เช่น บริษัทแลนด์แอนด์เฮ้าส์ จำกัด (มหาชน) บริษัทแอล.พี.เอ็น.ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) บริษัทเอ็น.ซี.กรุ๊ปฯ หรือบริษัทพฤกษาเรียลเอสเตท จำกัด เป็นต้น ก็ยังมียอดขายที่มีอัตราเติบโตขึ้น เฉพาะบริษัทพฤกษาฯไตรมาสแรกของปี 2545 สามารถทำยอดขายเพียงโครงการเดียว คือโครงการพฤกษา รังสิต คลอง 3 ได้กว่า 1,000 ยูนิต ในขณะที่บริษัทอื่นเตรียมประกาศผลประกอบการไตรมาสแรกกลางเดือนนี้ต่างยืนยันว่ามีอัตราเติบโตที่ดีขึ้นกว่าปี 2544 เมื่อเทียบไตรมาสต่อไตรมาส เหตุผลดังกล่าว เป็นปัจจัยสำคัญที่ส่งผลให้บรรดาผู้ประกอบการในธุรกิจเกี่ยวเนื่องและนอกวงการต่างให้ความสนใจเข้ามาพัฒนาโครงการบ้านจัดสรร เพื่อขอแชร์ส่วนแบ่งตลาดที่มีทิศทางเติบโต ต่อเนื่องในปีนี้
        บริษัทบัวทอง พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด บริษัท โบรกเกอร์บริหารงานขายบ้านมือสองชั้นนำของตลาด ซึ่งมีนายไพโรจน์ สุขจั่น ประธาน และกรรมการผู้จัดการ บริษัทบัวทอง พร็อพ- เพอร์ตี้ จำกัด กำกับดูแล ได้เปิดเผยถึงการ พัฒนาโครงการจัดสรร หลังจากบัวทอง พร็อพ-เพอร์ตี้ประสบความสำเร็จในธุรกิจบริหารการขายในช่วงที่ผ่านมาว่า ขณะนี้ทางบริษัทได้เตรียมจะเปิดโครงการบ้านจัดสรรใหม่ชื่อบ้านทิพย์พิมาน ในย่านตลิ่งชัน เนื้อที่โครงการ 8 ไร่ มูลค่า 150 ล้านบาท ประกอบด้วยบ้านเดี่ยว จำนวน 50 ยูนิต ขนาด 50 ตารางวา ราคาขายอยู่ที่ 2,500,000 บาท พร้อมจะเปิดตัวประ-มาณเดือนมิถุนายนไม่น่าจะเกินเดือนกรก- ฎาคมหรือต้นไตรมาส 3 ซึ่งโครงการที่กำลังพัฒนาเป็นโครงการเล็กๆ และคาดว่าน่าจะสามารถปิดโครงการได้ภายในสิ้นปีนี้
        นอกจากนี้ยังมีกลุ่มธุรกิจภาพยนตร์ ในเครือเมเจอร์ กรุ๊ป ของกลุ่มตระกูลพูลวรลักษณ์ ประกาศร่วมวงกระแสบ้านจัดสรรโตครั้งนี้ด้วย มีนายสุริยน พูลวรลักษณ์ ผู้อำนวยการพัฒนาธุรกิจ บริษัทเมเจอร์ ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด เป็นผู้บริหาร ได้เปิดตัวโครงการการ์เด้นท์ วิว ลาดพร้าว 112 พัฒนาบ้านสไตล์ คลัสเตอร์ โฮม ขายราคายูนิตละ 3.8 ล้านบาท มูลค่าโครงการ 150 ล้านบาท พร้อมตั้งเป้าพัฒนาโครงการออกมาปีละ 2 โครงการ ซึ่งการตัดสินใจร่วมวงจัดสรรของกลุ่มดังกล่าว เพราะเห็นว่ากระแสบ้านจัดสรรเริ่มฟื้นตัว ขณะเดียวกันกลุ่มบริษัทแม่มีที่ดินที่พร้อมนำมาพัฒนาได้
        และโครงการที่เปิดตัวล่าสุด พร้อมทุ่มงบโฆษณาทั้งทางวิทยุและโทรทัศน์อย่างต่อ เนื่อง และจัดกิจกรรมส่งเสริมการตลาดออก มาต่อเนื่องไม่แพ้ยุคธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ เฟื่องฟู โดยชูกลยุทธŒผ่อนวันละ 49 บาท นั้น ก็คือ โครงการสมบัติบุรี โครงการอาคารชุดย่านถนนตลิ่งชัน-บางบัวทอง มีบริษัทบางกอก เค.เค. จำกัด เป็นเจ้าของโครงการ และถือ กรรมสิทธิ์ที่ดิน และมีบริษัทบางกอก-บัวทอง จำกัด เป็นผู้บริหารงานขายห้องชุด โดยโครงการดังกล่าวมี นางสุพรรณี อัคคชาติกุล เป็นกรรมการอำนวยการบริษัท ได้เปิดการขายอย่าง เป็นทางการไปแล้วเมื่อวันที่ 4-6 พฤษภาคม 2545 ที่ผ่านมา
        โครงการดังกล่าวประกอบด้วย คอนโดมิเนียม 14 อาคาร สูง 7 ชั้น รวม 3,865 ยูนิต ในพื้นที่โครงการทั้งหมด 130 ไร่ ซึ่งโครงการดังกล่าวเป็นการซื้อต่อมาจากกลุ่มจีอี แคป-ปิตอลที่ประมูลมาจากองค์การเพื่อการปฏิรูป ระบบสถาบันการเงิน (ปรส.) ในราคา 500 ล้าน บาท โดยตามแผนจะมีการพัฒนาโครงการต่อในแนวราบ รูปแบบทาวน์เฮาส์ บ้านแฝด และ บ้านเดี่ยว รวมทั้งตลาดขายปลีก และส่ง สินค้าเกษตรครบวงจร ได‰รับการสนับสนุนการเงินจากบริษัทเงินทุนเกียรตินาคิน จำกัด (มหาชน) 230 ล้านบาท
        อย่างไรก็ตาม โครงการดังกล่าวเดิมเป็นของกลุ่ม ห้างสรรพสินค้าพาต้า หรือกลุ่มตระกูล เสริมสิริมงคล โดยนางสุพรรณี อัคคชาติกุล ยืนยันวˆาเป็นการร่วมดำเนินการกับนายเกษม วิศวพลานนท์ แต่จากการตรวจสอบพบว่า บริษัท บางกอก-บัวทอง จำกัด จดทะเบียนเมื่อ 20 กุมภาพันธ์ 2545 ทุนจดทะเบียน : 1,000,000 บาท ณ วันที่ 31 มีนาคม 2545 ประกอบธุรกิจประเภทให้เช่าและกิจการด้านอสังหาริมทรัพย์ (ให้เช่า อาคาร จัดสรรที่ดิน) มีนางสาวคุณาภรณ์ คนหมั่น และนางสาวประภาพร ประธิโก เป็นกรรมการบริษัท
        ส่วนนางสุพรรณี อัคคชาติกุล กรรมการอำนวยการ มีชื่อเป็นกรรมการในบริษัท คือ บริษัทเค. เอส. พี. อินเตอร์เฮ้าส์ จำกัด ทำธุรกิจขายวัตถุโบราณ, บริษัทเจ.ซี.วิชั่น จำกัด ธุรกิจนำเที่ยว, บริษัทเจ.ซี.หินอ่อน จำกัด จำหน่ายหินอ่อน, บริษัทชามทองภัตตาคาร จำกัด ธุรกิจ ภัตตาคาร, บริษัทแดนเทเลคอม จำกัด ธุรกิจ วิทยุ-โทรทัศน์, บริษัทแดนอินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด นำเข้าคอมพิวเตอร์, บริษัทแดนคอมพิวเตอร์ เปเปอร์ส แอนด์ ซัพพลายส์ จำกัด ขายปลีกกระดาษคอมพิวเตอร์, บริษัททรัพย์ปิ่นเกล้า จำกัด ขายบ้านและที่ดิน มีชัยพล ศิริวรรณ หอรุ่งเรือง เป็นกรรมการ, บริษัทมิลค์ แอนด์โทสต์ จำกัด ขายอาหารเครื่องดื่ม, บริษัท ยูนิเพาเวอร์ จำกัด เครื่องใช้ไฟฟ้า เตาหุงต้ม เครื่องดูดฝุ่น, บริษัทสิริพัฒน์มั่นคง จำกัด ซื้อขายที่ดิน มีวินัย เสริมสิริมงคล เป็นกรรมการ ร่วม, บริษัทเอเชียสยาม พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด นายหน้าค้าที่ดิน มีตระกูลเสริมสิริมงคล และ พิบูลสถาพร เป็นกรรมการ
        ด้านบริษัทรอแยลเฮ้าส์ จำกัด บริษัทรับสร้างบ้านชั้นนำเป็นอีกหนึ่งในหลายบริษัทที่ ประกาศขอร่วมวงด้วย นายศักดา โควิสุทธิ์ กรรมการผู้จัดการ ได้เผยถึงทิศทาง และนโยบายของบริษัท พร้อมจะตั้งบริษัทเบทเทอร์ ทู เบสท์ ลีฟวิ่ง จำกัด (B 2 B) ขึ้นมา เพื่อพัฒ-นาโครงการบ้านจัดสรร ภายใต้การกำกับดูแลคุณภาพการก่อสร้างบ้านของรอแยลเฮ้าส์ โดยจะใช้เงินทุนของบริษัทพัฒนาโครงการในพื้นที่ประมาณ 10 ไร่ ย่านติวานนท์ หลังโรงเรียน อำพรไพศาล ในชื่อโครงการบ้านอุ่นรัก มีจำนวนทั้งหมดประมาณ 60 ยูนิต ในราคาหลังละ 2 ล้านบาท โดยจะเปิดโครงการปลายเดือนพฤษภาคมนี้
        โดยบริษัทมีแผนจะดำเนินการโครงการปีละ 3 โครงการ โดยนายศักดาเชื่อว่าทิศทางการเติบโตของบ้านจัดสรรจะสูงขึ้น แต่การ พัฒนาโครงการออกมาจะต้องตรงกับกลุ่มเป้าหมายถึงจะสามารถขายได้ นอกจากนี้ยังมีโครงการที่เป็นทั้งรายใหม่และรายเก่า เริ่มหันกลับเข้ามาพัฒนาโครงการบ้านจัดสรรอีกไม่น้อย ทั้งในส่วนปริมณฑล และเขตกทม. รวมทั้งกลุ่มบริษัทจัดสรรที่ผ่านกระบวนการปรับโครงสร้าง หนี้ล่าสุดเสร็จสิ้น
        ทั้งนี้กระแสการลงทุนของผู้ประกอบ การเก่าและใหม่ ที่หันกลับมาพัฒนาโครงการบ้านจัดสรรออกขายนั้น รศ.มานพ พงศทัต อาจารย์ประจำภาควิชาเคหะการ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยกล่าวว่า เป็นเรื่องที่ต้องระวังเพราะ จะกลับกลายมาเป็นวัฏจักรเดิมของวงการ อสังหาริมทรัพย์ที่ก่อนยุคฟองสบู่ หรือวิกฤติเศรษฐกิจ จะมีกลุ่มผู้ประกอบการต่างๆ หันมาลงทุนโครงการอสังหาริมทรัพย์ โดยเฉพาะบ้านจัดสรร ตรงนี้เป็นเรื่องที่อันตราย ขณะนี้กระแสดังกล่าวกำลังจะกลับมา จุดนี้จะต้องเป็นการร่วมมือของทุกฝ่ายเพื่อไมˆให้เกิดโอเวอร์ดีมานด์ อย่างในอดีตที่ผ่านมา ส่วนแหล่งข่าวในวงการอสังหาริมทรัพย์ กล่าวว่า ขณะนี้การบริหารงานขาย หรือการพัฒนาโครงการออกมาขาย พฤติกรรมของผู้บริโภคนั้นเปลี่ยนไปมากในปัจ- จุบัน การทำการบ้าน เก็บข้อมูล และวิจัยตลาดให้ตรงกลุ่มเป้าหมายจะเป็นเรื่องใหญ่ที่ต้อง คำนึง ไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะพัฒนาโครงการบ้านจัดสรรออกมาขายในสถานการณ์ปัจจุบัน