Eng
หน้าแรก เกี่ยวกับมูลนิธิ หลักการประเมินค่าทรัพย์สิน มาตรฐานจรรยาบรรณ
อัตราผลตอบแทน
มาตรฐานราคาค่าก่อสร้าง บทความความรู้ข้อแนะนำ เว็บบอร์ด ติดต่อมูลนิธิ
อ่าน 2,196 คน
คิดจากข่าวตั้งคณะกรรมการนโยบายที่อยู่อาศัย
 

ดร.โสภณ พรโชคชัย
ประธานกรรมการ ศูนย์ข้อมูลวิจัยและประเมินค่าทรัพย์สินไทย
บจก.เอเจนซี่ ฟอร์ เรียลเอสเตท แอฟแฟร์ส

             ผมได้อ่านข่าวพบว่ารัฐบาลได้ตั้งคณะกรรมการนโยบายที่อยู่อาศัยแห่งชาติแล้ว ผมจึงเขียนมาแสดงความเห็นโดยสุจริตเพื่อประโยชน์ต่อทางรัฐบาลและประเทศชาติโดยรวม
             รายชื่อคณะกรรมการประกอบบุคคลและตำแหน่งต่อไปนี้คือมีนายกรัฐมนตรีหรือรองนายกฯ ที่นายกฯ มอบหมายเป็นประธาน รมต.กระทรวงการพัฒนาสังคมฯ (พม.) เป็นรองประธาน มีปลัดกระทรวง 4 กระทรวงคือ กระทรวงการคลัง กระทรวง พม. กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และกระทรวงมหาดไทย และหัวหน้าส่วนราชการ 5 แห่งคือ คณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ สำนักงบประมาณ การเคหะแห่งชาติ สถาบันพัฒนาองค์กรชุมชน และธนาคารอาคารสงเคราะห์ นอกนั้นเป็นผู้ทรงคุณวุฒิอีก 9 ท่าน โดยมีรองปลัดกระทรวงการ พม. เป็นกรรมการและเลขานุการ รวมทั้งชุดมี 21 ท่าน
             สำหรับผู้ทรงคุณวุฒิได้แก่ ศาสตราจารย์กนก วงษ์ตระหง่าน ซึ่งรองประธานกรรมการคนที่สองด้วย รวมทั้ง นายไกร ตั้งสง่า  นายชัยณรงค์ มณเฑียรวิเชียรฉาย นายปรีดิ์ บุรณศิริ ศาสตราจารย์พิเศษประสิทธิ์ โฆวิไลกูล นายพรศักดิ์ บุณโยดม นายพิจิตต รัตตกุล  นายสมชัย ฤชุพันธุ์ และนางสาวสมสุข บุญญะบัญชา บุคคลเหล่านี้ล้วนแต่เป็นผู้มีชื่อเสียงซึ่งเป็นที่ยอมรับในแวดวงวิชาการและในวงการที่อยู่อาศัยและอสังหาริมทรัพย์
             ผมจำได้ว่าครั้งหนึ่งในสมัยรัฐบาล พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ก็มีการตั้งสภาที่อยู่อาศัยเมื่อวันที่ 19 มกราคม 2548 แต่แล้วก็เงียบหายไป ไม่ได้มีผลงานอะไรออกมาเลย ก่อนหน้านี้ประเทศไทยเราก็เคยมีคณะอนุกรรมการนโยบายที่อยู่อาศัย ซึ่งขึ้นอยู่กับสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ แต่ในภายหลังก็ยุบเลิกไปเมื่อประมาณ 20 ปีก่อน
             ผมเชื่อมั่นในตัวกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิทุกท่านที่อ้างถึงข้างต้นเพราะล้วนแต่เป็นผู้ที่ผมเองก็เคารพนับถือ อย่างไรก็ตาม ผมขออนุญาตวิจารณ์ที่มาของกรรมการ ซึ่งในแง่หนึ่งก็เป็นเรื่องปกติที่ในการตั้งคณะกรรมการทั้งหลาย รัฐบาลย่อมตั้งผู้ที่มีความรู้ความสามารถและที่ทางรัฐบาลรู้จักมาช่วยงานอยู่แล้ว แต่ในอีกแง่หนึ่ง ผมเห็นว่า ในยามที่เราต้องการความร่วมมือและการระดมสมองจากทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ จึงควรมาจากผู้แทนของสาขาวิชาชีพที่เกี่ยวข้องโดยตรง
             อย่างในฝ่ายผู้ประกอบการพัฒนาที่ดินนั้น ผมไม่พบว่ามีผู้แทนของกลุ่มนี้เป็นกรรมการด้วย ทั้งที่ท่านเหล่านั้นเป็นผู้มีความรู้ความสามารถ การนี้อาจทำให้เข้าใจผิดไปว่ารัฐบาล ‘ตั้งป้อม’ ไม่เอาฝ่ายผู้ประกอบการพัฒนาที่ดิน ซึ่งผมเชื่อว่าการนี้รัฐบาลคงไม่ได้มีความคิดดังกล่าว
             ในความเป็นจริง มีสมาคมผู้ประกอบการพัฒนาที่ดินเฉพาะในเขตนครหลวงถึง 3 สมาคม นอกจากนั้นยังมีสมาคมและชมรมในจังหวัดภูมิภาค รวมกันก็คงเกือบ 10 องค์กร นักวิชาชีพด้านสถาปนิก วิศวกร ผู้ประเมินค่าทรัพย์สิน ผู้บริหารทรัพย์สิน นายหน้า ก็ควรมีโอกาสไปเป็นกรรมการด้วย เพื่อที่รัฐบาลจะได้รับความร่วมมือจากทุกภาคส่วนในภาวะที่ประเทศชาติต้องการความสมานฉันท์เช่นนี้
             และสำหรับในรายละเอียดแล้ว ยังสมควรใส่ใจต่อการเป็นผู้แทนของกลุ่มที่ชัดเจน เช่น แม้ว่าในประเทศไทย จะมีสมาคมผู้ประกอบการพัฒนาที่ดินหลายแห่ง แต่สมาชิกของสมาคมก็มีจำนวนไม่มากนัก ผู้ประกอบการที่ไม่ได้เป็นสมาชิกสมาคมยังมีอีกเป็นจำนวนมากหรือเป็นส่วนใหญ่ของผู้ประกอบการ ผลการศึกษาของผมก็พบว่า ผู้ประกอบการพัฒนาที่ดินในกรุงเทพมหานครมีไม่ต่ำกว่า 600 ราย  หากนับรวมต่างจังหวัดด้วย ก็คงมีไม่ต่ำกว่า 1,500 ราย ดังนั้น หากรัฐบาลต้องการผู้แทนของฝ่ายนักพัฒนาที่ดิน ก็ควรจัดประชุมผู้ประกอบการทั่วประเทศ และให้มีการคัดเลือกกันเองโดยตรงไปเลย ในวงการอื่น ๆ ก็เช่นกัน รัฐบาลสามารถจัดประชุมและให้มีการคัดเลือก ลงคะแนนกันในวันเดียวเลย
             การดำเนินการเช่นนี้ ไม่ใช่การคัดเลือกกันเองแบบสภาที่ปรึกษาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ แต่เป็นการคัดเลือกโดยตรงจากแต่ละสาขาธุรกิจหรือวิชาชีพที่เกี่ยวข้องจะทำให้เกิดบรรยากาศที่เป็นประชาธิปไตย เปิดโอกาสให้ทุกภาคส่วนได้มีส่วนร่วมในการพัฒนาที่อยู่อาศัยของประเทศชาติต่อไป และทำให้นโยบายและความปรารถนาดีของรัฐบาลสามารถปรากฏเป็นจริงได้ในที่สุด
             เอาไว้กรรมการชุดนี้หมดอายุแล้ว ค่อยดำเนินการก็ได้ครับ ไม่ต้องรีบร้อน!

Area Trebs
 
10 ถ.นนทรี เขต.ยานนาวา, กรุงเทพมหานคร 10120 Tel.66.2295.3171 Fax. 66.2295 1154 Email: info@thaiappraisal.org; สถานที่ตั้ง: แผนที่