ทัศนะต่อหญิงในสังคมบิดเบี้ยว
Hi-Class ปีที่ 26 ฉบับที่ 271 สิงหาคม 2551 หน้า 60-61
ดร.โสภณ พรโชคชัย
ประธานกรรมการ ศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ AREA*
6 สิงหาคม 2551
หญิงก็เป็นมนุษย์ เป็นอีกครึ่งหนึ่งของประชากรที่ค้ำจุนโลก แต่หญิงมักถูกกดขี่ทางเพศ หรือถูกมองเป็นเพียงวัตถุทางเพศเพื่อบำบัดความใคร่ของบุรุษ ตำนานการกดขี่ทางเพศมีเล่ากันไม่รู้จบในทุกเชื้อชาติ และทุกลัทธิความเชื่อทางศาสนาก็ว่าได้
แม้แต่คำว่าฉบับ Woman on top ของ Hi-Class ก็ยังอาจถูกตีความเป็นเรื่องการร่วมเพศได้อย่างง่ายดาย ผมลองหาคำดังกล่าวใน Google ปรากฏว่า ส่วนใหญ่จะเป็นเรื่องเช่นนี้จริง ๆ นี่แสดงให้เห็นถึงโลกทัศน์ของคนส่วนใหญ่มักมองเรื่องหญิงเป็นวัตถุทางเพศเป็นสำคัญ
~ ~ ~
ถ้าลองคิดดูว่า หากเราพบหญิงคนหนึ่งมีความสวยหยาดเยิ้มทุกอย่าง ขาดอย่างเดียวคือ ขาดอวัยวะเพศหญิง หญิงคนนั้นอาจไม่มีค่าอะไรเลยในสายตาของชายทั่วไปเพราะไม่สามารถร่วมเพศได้ หญิงคนนั้นย่อมไม่เป็นที่ปรารถนาของชายใด และก็คงยากที่ชายใดจะรับว่าหญิงคนนั้นเป็นชายได้ด้วย
หากกล่าวอย่างถึงที่สุด ก็อาจมีชายจำนวนหนึ่งที่ยินดีร่วมเพศกับหญิงคนนั้นทางทวารหนัก อย่างไรก็ตามนี่เป็นความลักเพศ ซึ่งถือเป็นสิ่งผิดปกติจากสามัญชนทั่วไปเพราะการร่วมเพศมักเป็นเพื่อการสืบเผ่าพันธุ์มนุษย์ แต่การนี้ไม่อาจบรรลุวัตถุประสงค์ดังกล่าวได้
การลักเพศนี้ผิดหรือไม่ ผมก็กล้ายืนยืน อาจเป็นรสนิยมส่วนตัวที่ขับเคลื่อนโดยฮอร์โมนที่ผิดปกติไปของร่างกาย แต่โดยที่บุคคลลักเพศเป็นของคนส่วนน้อยอย่างยิ่งในสังคม จึงถือเป็นความผิดปกติ ผิดธรรมชาติ
~ ~ ~
บางคนอาจมองไกลไปถึงว่าการกดขี่ทางเพศหนักกว่าการกดขี่ทางชนชั้นเพราะแม้แต่ชายชนชั้นกรรมาชีพที่ถูกนายทุนกดขี่ ก็ยังกดขี่หญิงของตนเอง จึงทำให้คนที่เชื่อในการต่อสู้ทางเพศมองว่า การต่อสู้นี้เป็นสรณะของมนุษย์ชาติด้วยซ้ำไป
ในอีกทางหนึ่งบางคนอาจว่าการกดขี่ทางเพศหนักกว่าการกดขี่ทางชนชาติเสียอีก เพราะประเทศในหมู่ประเทศราชที่ถูกเอาเปรียบโดยประเทศเจ้า หรือประเทศจักรวรรดินิยม ก็ยังกดขี่ประชากรหญิงของตนเองอย่างแสนสาหัส เรียกได้ว่า แม้ชายในประเทศราชจะถูกหมิ่นโดยชายจากประเทศเจ้า แต่หญิงในประเทศราชก็ยังถูกชายในประเทศเดียวกันกดขี่อีกชั้นหนึ่ง
ความจริงการมองในลักษณะนี้ดูคล้ายถูก แต่อาจจะผิด เพราะถ้ามองเช่นนี้ ก็มองกันไม่รู้จบ เช่น บางคนอาจบอกว่าเด็กถูกกดขี่จากผู้ใหญ่ หรือชายลักเพศ (เกย์) เป็นเพศที่ต่ำกว่าหญิงเสียอีก บางคนอาจเถียงว่า ดี้ หรือหญิงที่มีรสนิยมชอบหญิงต่างหากที่ต่ำต้อยด้อยหน้าที่สุดในสังคม กล่าวให้ถึงที่สุด อาจกล่าวได้ว่า ดี้ที่เป็นเอดส์ต่างหากที่ต่ำที่สุด เป็นต้น การถกเถียงกันอย่างนี้ก็อาจเป็นการถกเถียงที่ไม่รู้จบได้
~ ~ ~
การมองชายและหญิง หรือ หญิงและชาย แบบแยกส่วนเช่นนี้ ย่อมไม่อาจหาทางออกได้ และย่อมกลายเป็นประเด็นอันโอชะสำหรับการเคลื่อนไหวทางการเมือง การเคลื่อนไหวทางสังคม การเกิดเอ็นจีโอ การหากินกับผู้เสียเปรียบในสังคม การเอาดีใส่ตัว มารยาสาไถ ฯลฯ อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ที่ผ่านมาจึงได้เกิดตำนาน น้ำเน่า มากมายในสังคมอย่างสนุกปาก
ปรากฏการณ์ที่เราเห็นกันจนชินตาก็คือหญิงมักถูกชายเอาเปรียบ แต่ก็แปลกที่หญิงไม่ช่วยหญิง โดยเฉพาะหญิงที่เป็นแม่ผัวกลับปฏิบัติอย่างโหดร้ายต่อหญิงที่เป็นลูกสะใภ้ ยิ่งกว่าที่ชายจะพึงปฏิบัติต่อหญิงเสียอีก ต่อเมื่อหญิงผู้เป็นลูกสะใภ้ได้เลื่อนฐานะเป็นแม่ผัวเสียเองในชั่วรุ่นต่อมา ก็เกิดปรากฏการณ์ กงกำกงเกวียน ขึ้นมาอีก
~ ~ ~
ความจริงที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ก็คือ ในโลกนี้มีการเอาเปรียบของคนส่วนน้อยต่อคนส่วนใหญ่ คนส่วนน้อยที่ครอบครองปัจจัยการผลิต กับคนส่วนใหญ่ที่ขายแรงงานอย่างหนักในรูปแบบต่าง ๆ เพื่อแลกกับความอยู่รอด ไม่ใช่เรื่องการกดขี่ทางเพศเป็นสำคัญ ส่วนประเทศผู้กดขี่ที่เติบใหญ่มากเข้า ก็อาจพัฒนาการเป็นจักรวรรดินิยม ออกไปล่าเมืองขึ้นต่อประเทศอื่น เช่นที่เคยเกิดขึ้นมาแล้วในอดีต ทั้งสเปน โปรตุเกส อังกฤษ เยอรมนี เป็นต้น
อย่างไรก็ตามด้วยการปล้นสะดมจากประเทศกำลังพัฒนาหรือประเทศเมืองขึ้น ก็เลยทำให้ชนชั้นล่างในประเทศผู้กดขี่เอง ตนลืมตาอ้าปากได้มากขึ้นจากการแบ่งปันทรัพยากรที่ปล้นสะดมมา จึงกลายเป็นเรื่อง บาปกรรม On Line ฐานะความได้เปรียบของเจ้าผู้ปกครองก็เลยง่อนแง่น การสถาปนาประชาธิปไตยในประเทศจักรวรรดินิยมจึงเกิดขึ้น
แต่ในขณะเดียวกันฐานะของหญิงในประเทศเมืองขึ้นก็กลับยิ่งเสื่อมทรามลง มีหญิงจำนวนมากที่ต้องขายบริการทางเพศเพื่อความอยู่รอด หรือทำงานที่ได้ค่าตอบแทนน้อยกว่าชาย นี่จึงเป็นเพียงการผลักดันการกดขี่ทางชนชั้นจากพื้นที่หนึ่งไปยังอีกพื้นที่หนึ่งเป็นสำคัญ
~ ~ ~
ปัญหาหญิงชายนี้จะแก้กันตรงไหนดี บางคนก็บอกว่าต้องเอาธรรมะเข้าข่ม อาศัยศาสนาเข้าช่วย แต่ในประวัติศาสตร์ที่ผ่านมา ชายก็เอาศาสนามากดขี่หญิงอยู่เหมือนกัน บางคนก็บอกต้องแก้ที่ใจ ที่ Mind Set ก่อน แต่ผมเชื่อว่าประเด็นชี้ขาดก็คือ การมีทรัพยากรปริมาณมากพอ เช่นในประเทศตะวันตก มีทรัพยากรปริมาณมากพอจากการปล้นสะดมประเทศอาณานิคม ก็ทำให้เกิดช่องว่างทางชนชั้นน้อยลง
หากเราแก้ปัญหาการกดขี่ขูดรีดในสังคมไปได้ ทรัพยากรได้ถูกแบ่งปันอย่างเหมาะสม การกดขี่ทางเพศเพื่อความอยู่รอดของอีกฝ่ายก็จะหมดไป เรื่อง น้ำเน่า ต่าง ๆ ซึ่งเป็นผลพวงที่เกิดขึ้น ก็จะค่อย ๆ หมดไปด้วยการยกระดับจิตสำนึกทางสังคม โลกทัศน์ก็จะดีขึ้น เราจึงต้องอาศัยการ รู้รักสามัคคี ระหว่างหญิงและชายในการแก้ไขปัญหาดังกล่าวก่อน
อย่าลืมว่า มหาตมะ คานธี กล่าวไว้ว่า Earth provides enough to satisfy every man's need, but not every man's greed หรือแปลว่า โลกมีทรัพยากรเพียงพอสำหรับความจำเป็นของมนุษย์แต่ไม่เพียงพอสำหรับความโลภของใคร
หญิงชายล้วนต่างแบกโลกไว้ครึ่งหนึ่ง!
* ดร.โสภณ พรโชคชัย เป็นประธานกรรมการศูนย์ข้อมูล วิจัยและประเมินค่าอสังหาริมทรัพย์ AREA (www.area.co.th) ซึ่งเป็นศูนย์ข้อมูลที่มีฐานข้อมูลที่กว้างขวางที่สุดในไทยและเริ่มสำรวจอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ปี 2537 ขณะนี้ยังเป็นประธานกรรมการ มูลนิธิประเมินค่าทรัพย์สินแห่งประเทศไทย กรรมการหอการค้าสาขาจรรยาบรรณ สาขาเศรษฐกิจพอเพียง ที่ปรึกษาหอการค้าไทยสาขาอสังหาริมทรัพย์ และกรรมการสภาที่ปรึกษาของ Appraisal Foundation ซึ่งเป็นหน่วยงานควบคุมวิชาชีพประเมินค่าทรัพย์สินในสหรัฐอเมริกาที่แต่งตั้งขึ้นโดยสภาคองเกรส Email: sopon@area.co.th |