ประเมินค่าทรัพย์สินให้เป็นธรรมก่อนการเวนคืนเพื่อพัฒนาชาติ

น.ส.ศิริลักษณ์ ประชากุล

รางวัลชมเชย ระดับมัธยมศึกษา

 
     “ประเมินค่าทรัพย์สินสำคัญยิ่ง ช่างเป็นสิ่งควรเป็นธรรมประจำใจ
เวนคืนพัฒนาชาติให้ผ่องใส

ประเทศไทยก้าวหน้าทัดเทียมเอย”

 

                 จากบทกลอนข้างต้นจะเห็นได้ว่า การประเมินค่าทรัพย์สินที่ถูกเวนคืนนั้นจะต้องเป็นไปอย่างเป็นธรรมที่สุดเพื่อนำไปพัฒนาประเทศให้เจริญก้าวหน้าและต้องเป็นไปตามที่กฎหมายบัญญัติไว้ และแน่นอนว่าที่ดินแต่ละผืนย่อมมีค่ามีราคาในตัวของมันเองอยู่แล้ว ในเมื่อที่ดินมีค่ามีราคาก็เปรียบเสมือนสิ่งของอันล้ำค่าที่ทุกท่านเรียกเป็นเสียงเดียวกันว่า “ทรัพย์สิน” เพราะฉะนั้นที่ดินแต่ละผืนย่อมมีเจ้าของหรือผู้ถือครองกรรมสิทธิ์ โดยผู้อื่นมิอาจ ลุกล้ำ หรือเข้าไปยุ่งเกี่ยวได้โดยเด็ดขาด เว้นก็แต่ทางรัฐจะต้องการที่ดินผืนนั้นๆ ไปใช้เพื่อให้เกิดประโยชน์ส่วนรวมหรือเพื่อพัฒนาประเทศชาติ ที่ทุกคนรู้จักกันดี คือ “การเวนคืน” ดังนั้นทางรัฐจึงจำเป็นต้องมีการออกกฎหมายเกี่ยวกับการเวนคืนที่ดินขึ้น
                 จากกฎหมายรัฐธรรมนูญฉบับลงประชามติมาตราที่ 41 และ 42 กล่าวถึงสิทธิในทรัพย์สินว่าสิทธิของบุคคลในทรัพย์สินย่อมได้รับความคุ้มครองขอบเขตแห่งสิทธิ ย่อมเป็นไปตามที่กฎหมายบัญญัติ การเวนคืนอสังหาริมทรัพย์จะกระทำมิได้เว้นแต่โดยอาศัยอำนาจตามบทบัญญัติแห่งกฎหมายเฉพาะกิจการของรัฐ เพื่อการอันเป็นสาธารณูปโภคการอันจำเป็นเพื่อพัฒนาประเทศ และต้องชดใช้ค่าทดแทนที่เป็นธรรมในเวลาอันควรแก่เจ้าของหรือบรรดาที่ได้รับความเสียหายในการเวนคืนนั้น
                 ในเมื่อการเวนคืน คือ การออกกฎหมายมาบังคับซื้อที่ดินของเอกชน โดยเอกชนจะปฏิเสธไม่ขายไม่ได้เพราะฉะนั้นทางรัฐที่เวนคืนจึงต้องมีการจ่ายค่าทดแทนที่เป็นธรรมให้แก่เจ้าของที่ดิน โดยกรมทางหลวงจะเป็นผู้ดำเนินการออกพระราชบัญญัติ เพื่อใช้ในการเวนคืนที่ดิน โดยจะประกาศบังคับใช้ประมาณ 8 – 10 เดือน ในช่วงเวลาดำเนินการ จะปิดประกาศไว้ตามสถานที่ดังต่อไปนี้ คือ ที่ทำการเจ้าหน้าที่ ศาลากลางจังหวัดสำนักงานที่ดินจังหวัดที่ว่าการอำเภอ ที่ทำการเทศบาล ที่ทำการผู้ใหญ่บ้านแห่งท้องที่ เพราะฉะนั้นที่ดินของท่านใดที่อยู่ในแนวเขตพื้นที่ที่รัฐต้องการนำไปใช้ให้เกิดประโยชน์ต่อส่วนรวม จึงควรไปอ่านรายละเอียดของพระราชบัญญัติที่ติดไว้ตามสถานที่ราชการต่างๆ ให้เข้าใจอย่างละเอียดถี่ถ้วน เพื่อให้เกิดความสบายใจต่อตัวของท่านเอง ว่าที่ดินของท่านจะกลับกลายเป็นที่ดินผืนสำคัญที่ทำให้เกิดประโยชน์ต่อส่วนรวม
                 แต่ถึงอย่างไรก็ตาม บางครั้งการเวนคืนของรัฐก็มิอาจราบรื่นไปได้ด้วยดี ผู้เสียหายหรือผู้ถูกเวนคืนบางรายอาจไม่ยอมให้ความร่วมมือกับทางรัฐในการเวนคืนที่ดิน เนื่องจากบางท่านต้องการจำนวนเงินเวนคืนมากกว่าจำนวนเงินที่รัฐจะชดใช้ค่าเสียหายให้ หรือผู้เสียหายบางรายอาจไม่ต้องการย้ายถิ่นที่อยู่อาศัย เพราะที่ดินที่ถูกเวนคืนนั้นเป็นที่ดินที่บรรพบุรุษให้ไว้ จึงมีการเดินประท้วงเพื่อเรียกร้องและต่อต้านการเวนคืนของรัฐอย่างที่เห็นเป็นข่าวอยู่เป็นประจำ เช่น การเวนคืนเพื่อจะสร้างสนามกอล์ฟเมืองนนท์ การเวนคืนเพื่อสร้างสนามบินสุวรรณภูมิ การเวนคืนเพื่อสร้างเขื่อน เป็นต้น และเพื่อมิให้เกิดการเดินประท้วงและเรียกร้องของผู้เสียหาย ทางรัฐจึงต้องจัดหาวิธีการต่าง ๆ เพื่อให้ผู้เสียหายยินยอมและเต็มใจที่จะเวนคืนที่ดินให้กับทางรัฐ
                 ดังนั้นทางรัฐจึงควรตรวจสอบที่ดินพร้อมบ้านและสิ่งต่าง ๆ ที่มีค่ามีราคาภายในที่ดินผืนนั้น ๆ อย่างละเอียดถี่ถ้วนก่อนที่จะมีการประเมินค่าทรัพย์สินให้กับผู้เสียหาย ทางรัฐจะต้องคำนึงถึงการประเมินค่าเสมอว่าจำนวนเงินที่ท่านประเมินค่าไปนั้น เป็นจำนวนเงินที่มีค่ามหาศาลต่อผู้เสียหาย เพราะผู้เสียหายจะต้องนำเงินจำนวนนี้ ไปใช้เพื่อสร้างอสังหาริมทรัพย์และสังหาริมทรัพย์ นั้นคือ ที่ดิน บ้าน และสิ่งต่างๆ ที่ช่วยอำนวยความสะดวก เงินจำนวนนี้จึงเปรียบเสมือนเป็นสิ่งที่ทำให้เกิดชีวิตใหม่ขึ้นของพวกเขา
                 นอกจากนั้นสิ่งที่ผู้เสียหายต้องการเป็นอย่างมาก คือ ความเข้าใจและความเห็นใจจากทางรัฐที่จะมีต่อพวกเขาเหล่านั้น เพราะบางครั้งผู้เสียหายก็มิอาจได้ทราบมาก่อน ว่าตนเองจะต้องย้ายถิ่นฐานที่อยู่อาศัยใหม่ อาจทำให้เกิดสภาพจิตใจอันย่ำแย่ขึ้นได้จนทำให้มีการต่อต้านเกิดขึ้น ผู้เสียหายจึงต้องการเพียงแค่ความเห็นใจที่รัฐจะประเมินค่าทรัพย์สินให้นั้น ขอเพียงแค่ทางรัฐประเมินค่าโดยมิให้ผู้เสียหายต้องขาดทุนกับทรัพย์สินที่จะต้องเสียไปเท่านั้นและช่วยจัดการหาที่ดินหรือถิ่นฐานที่อยู่อาศัยใหม่ เพื่อให้ผู้เสียหายเหล่านั้นได้กลับมาใช้ชีวิตอย่างมีความสุขในที่ดินและบ้านหลังใหม่เช่นที่เคยอยู่ในที่ดินผืนเก่า
                 แต่ในทางกลับกันผู้เสียหายเองก็ย่อมต้องมีความเข้าใจกับทางรัฐเช่นกัน ไม่ควรให้เกิดการเดินประท้วงหรือต่อต้านเจ้าหน้าที่ของรัฐผู้เสียหายต้องคิดและไตร่ตรองเสมอว่าที่ดินของท่านที่จะเวนคืนไปนั้นจะกลายเป็นที่ดินผืนสำคัญที่ทำให้เกิดประโยชน์ต่อส่วนรวมและจะทำให้ประเทศพัฒนาขึ้นในหลาย ๆ ด้าน ทางรัฐเองก็ทราบดีว่าการเวนคืนนั้นอาจทำให้เกิดความเดือดร้อนและกังวลใจแก่เจ้าของที่ดินอยู่บ้าง แต่ทางรัฐยังคงจำเป็นต้องดำเนินการเวนคืนต่อไป เพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดกับประเทศ
                 การเวนคืนที่ดินแต่ละครั้งของรัฐ จะเป็นการเวนคืนเพื่อประโยชน์ต่อส่วนรวมและเพื่อพัฒนาประเทศชาติให้เจริญก้าวหน้า เช่น การสร้างถนน การสร้างเขื่อน และการสร้างสนามบิน การเวนคืนเพื่อสร้างถนนจะทำให้มีความสะดวกสบายในเรื่องการเดินทางของส่วนรวม การเวนคืนเพื่อสร้างสนามบินสุวรรณภูมิอย่างปัจจุบันก็เป็นอีกหนทางหนึ่งที่ทำให้ประเทศเจริญก้าวหน้า และมีชื่อเสียงในด้านสนามบินที่ใหญ่ที่สุดในโลก รวมไปถึงการเวนคืนเพื่อสร้างเขื่อนที่จะช่วยกักเก็บน้ำในยามขาดแคลนของเกษตรกรและยังช่วยในยามเกิดอุทกภัย
                 “ประเมินค่าทรัพย์สินให้เป็นธรรมก่อนการเวนคืนเพื่อพัฒนาชาติ” นั้นจึงเป็นหน้าที่ของสองฝ่ายที่ต้องพึ่งพาอาศัยกัน คือ ฝ่ายผู้เสียหายและฝ่ายรัฐจะต้องมีความสามัคคีและเข้าใจซึ่งกันและกัน ฝ่ายรัฐต้องยึดหลักการให้ โดยที่มิหวังสิ่งตอบแทนหรือผลกำไรใด ๆ ทั้งสิ้น ส่วนฝ่ายผู้เสียหายต้องดำเนินตามรอยเท้าพ่อหลวงของปวงชนชาวไทยที่พระองค์ทรงมีความเสียสละทุ่มเทพระวรกายและพระราชหฤทัยทรงทำทุกสิ่งทุกอย่างเพื่อราษฎรชาวไทยโดยมิหวังสิ่งใด ๆ ตอบแทนนอกเสียจากหวังเพียงให้ประเทศไทยได้เจริญก้าวหน้าผู้เสียหายในการเวนคืนแต่ละครั้งจึงสามารถนำแบบอย่างความเสียสละของพระองค์มาใช้ตรงส่วนนี้ได้ เพื่อเสียสละที่ดินของตนเองให้กับทางรัฐได้นำที่ดินของท่านไปพัฒนาให้เกิดประโยชน์ต่อส่วนรวมและเพื่อพัฒนาประเทศชาติของเราให้เจริญก้าวหน้าทัดเทียมอารยประเทศยิ่งๆ ขึ้นไป

.................................................................